เปิดโครงข่ายระบบราง! คมนาคมเร่งเสร็จทันรบ.นี้ คาด2กลุ่มชิงเค้กรถไฟฟ้าเชื่อม3สนามบิน
1 พ.ย.61 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายในงานหัวข้อ “ยุทธศาสตร์คมนาคม ยุทธศาสตร์สร้างชาติ” ว่า การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ถือเป็นตัวการสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่สร้างระบบการคมนาคมแบบไร้รอยต่อ เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย โดยกระทรวงคมนาคม ได้ทำยุทธศาสตร์คมนาคมขนส่งปี 2558-2565 วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
“ส่วนกรณีที่มีประเด็นโครงการล่าช้า รัฐบาลมาแล้วไม่ทำ เรื่องนี้เรามีกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปีเป็นกรอบนำทาง ซึ่งวันนี้ได้มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนก็ต้องมีกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปีที่กำกับการทำงานของรัฐบาลในทุกรัฐบาล ซึ่งแผนยุทธศาสตร์นี้จะเป็นแผนทอน เช่นโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่1 , 2 และ 3 ซึ่งระยะที่ 2 จะเร่งดำเนินการเรื่องการเห็นชอบและอนุมัติให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ หลังจากนั้นเป็นกระบวนการออกทีโออาร์และเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป” นายอาคม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แผนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง ในเขตกรุงเทพฯตอนนี้เกือบครบหมดแล้ว เหลือเพียงสายสีส้มตะวันตก และสายสีแดง(มิสซิ่งลิ้งค์) จะนำเสนอขอความเห็นชอบในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ได้เตรียมแผนมาสเตอร์แพลนรถไฟฟ้าระยะที่ 2 เตรียมไว้สำหรับรัฐบาลชุดต่อๆไป เนื่องจากโครงข่ายการเติบโตของเมืองไม่รอโครงสร้างพื้นฐาน เพราะฉะนั้นเมืองต่างๆเติบโตเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร เมื่อโครงข่ายไม่พอเราต้องเติมให้เพียงพอ หรือกรณีที่มีรถไฟฟ้าขัดข้อง ผู้โดยสารสามารถเลือกเส้นทางโดยการเปลี่ยนแนวอื่นได้
ขณะที่นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางการรถไฟฯกำลังอยู่ระหว่างการร่างแผนแม่บทการพัฒนาระบบเดินรถ โดยเน้นให้บริการเส้นทางที่มีศักยภาพ เช่น นครราชสีมา หัวหิน ชุมพร พิษณุโลก เป็นต้น โดยจะใช้รถรางไฟฟ้า(EMU) และเตรียมจะเสนอแผนดังกล่าวอีกครั้งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาภายในปีนี้ในส่วนของรูปแบบ หากเสนอแผนผ่านคาดว่ารูปแบบเส้นทางแรกจะเป็นเส้นทางนครราชสีมา ส่วนด้านความคุ้มค่าในการนำรถจักรระบบไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการในแต่ละเส้นทางนั้นพบว่าความเหมาะสมอยู่ที่ 80 ขบวนต่อวัน และหากความต้องการในการเดินทางต่ำกว่ายอดดังกล่าวก็อาจจะทำให้ขาดทุน
ส่วนรถไฟทางคู่จะมีการพัฒนาให้เป็นระบบไฟฟ้าเช่นกันในเส้นทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เพื่อขนส่งสินค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย รวมถึงเพิ่มโอกาสรับนักท่องเที่ยวมาเลเซียให้กระจายไปยังเมืองรองในภาคใต้ ควบคู่ไปกับการต่อขยายทางคู่เชื่อมประเทศเพื่อนบ้านที่ในช่วงต้นปี 2562 จะเริ่มเดินรถช่วงอรัญประเทศ-ปอยเปต ขณะที่การต่อขยายรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 3 ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์นั้นจะใช้วงเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ยืนยันว่าสามารถเชื่อมต่อกันได้แม้ว่าไทยจะใช้รางขนาด 1.45 เมตรส่วนสปป.ลาวใช้รางขนาด 1 เมตร
ส่วนความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 215,000 ล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารคาดว่าบริษัททั้ง 31 ราย ที่ยื่นซื้อซองเข้ามานั้นจะมีการจับกลุ่มร่วมลงทุนโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 2 กลุ่ม แต่ในเบื้องต้นก็ไม่ได้มีการล็อคระบบรถว่าจะเป็นรูปแบบไหนยี่ห้ออะไร
“ส่วนกระแสข่าวที่ทางบริษัท ปตท.ฯ จะขอเข้าร่วมลงทุนเฉพาะกับกลุ่มที่ชนะการประมูลเท่านั้น ซึ่งต้องรับรู้ว่าแนวทางดังกล่าวผิดกติกาการยื่นประกวดราคาโครงการและต้องถูกปรับแพ้ฟาล์วเพราะถือว่าเอาเปรียบผู้แข่งขัน แม้จะเป็นผู้ยื่นเข้าซื้อซอง TOR ก็ตาม โดยกรณีนี้ ปตท.จะได้แค่ในฐานะผู้รับจ้างเท่านั้นเพราะทาง ปตท.ได้ซองเอกสารประกวดราคา แต่จะมาเข้าร่วมกลุ่มที่หลังไม่ได้ต้องแสดงตัวในวันที่ 12 พ.ย.นี้ที่จะมีการเปิดซอง แต่ถ้าทางกลุ่มที่จะเข้าร่วมยินยอมให้เข้าร่วมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขณะที่กลุ่มลงทุนของเกาหลีที่ตั้งบริษัทเข้ามาซื้อซองเพื่อเข้าร่วมการประมูลนั้นทางสถานทูตเกาหลีได้มีการส่งจดหมายมาว่าไม่รับรองสถานะบริษัทดังกล่าวจึงไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้” นายวรวุฒิ กล่าว
ด้านนายสมประสงค์ สัตยมัลลี ผู้อำนวยการสำนักธุรกิจบัตรโดยสาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ปัจจุบันความนิยมการใช้รถไฟฟ้าแค่ 5% ที่เหลือ 57%รถส่วนบุคคล และ36% ยังใช้รถเมล์ ดังนั้นผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าอยู่ยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ เช่นสายสีน้ำเงินผู้โดยสารต้องใช้บริการ 7-8 แสนคน แต่ปัจจุบันใช้บริการแค่ 3แสนคน ดังนั้นเส้นทางใหม่ๆที่กำลังก่อสร้าง จะต้องจัดการผังเมืองและจัดทำฟีดเดอร์เพื่อให้ดึงประชาชนมาใช้บริการ ให้ได้ ขณะเดียวกันการก่อสร้างรถไฟฟ้าในต่างจังหวัด อาจไม่จำเป็นในทุกเส้นทาง ต้องดูบริบทของเมืองเนื่องจากรถไฟค่าก่อสร้่างสูง โดยดูว่าจังหวัดที่เหมาะสมคือภูเก็ต ด้วยเพราะมีนักท่องเที่ยวถึงปีละ 40 ล้านคน
ส่วน พล.ร.ต.เกริกไชย วจาภรณ์ รองปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ จะมีการประชุมและเปิดรับฟังความคิดเห็นของ คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (ไอทีที) โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธาน ทั้งนี้อาจมอบหมายให้รองผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานการประชุมแทน ตามแผนจะเริ่มประกาศเชิญชวนในวันที่ 2-16 พ.ย. 2561 เปิดขายซองในวันที่ 12-26 พ.ย. 2561 และจะมีการเชิญชวนไปดูสถานที่จริง ในวันที่ 29-30 พ.ย.2561
อย่างไรก็ตาม แผนทั้งหมดจะเร่งทำให้เสร็จตามระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนด โดยโครงการนี้ได้รับผลตอบรับจากเอกชนเป็นจำนวนมาก แต่อาจจะยังติดปัญหาเรื่องเวลาในการเตรียมตัวน้อยไป เพราะการขอจะต้องออกแบบโครงสร้างของสนามบินมายื่นด้วย โดยปกติต้องใช้เวลาเตรียมการ 5-6 เดือน แต่ทางรัฐกำหนดระยะเวลาให้เสร็จภายใน 3 เดือน ซึ่งข้อจำกัดดังกล่าวจะต้องมีการประชุมหาทางออกให้ได้ว่าจะบริหารจัดการอย่างไร เพราะการออกแบบต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ก็ติดขัดในเรื่องของการเลือกตั้ง หากยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด อาจส่งผลให้โครงการนี้ต้องเลื่อนไปอีกก็ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี