นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 มีมติเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก 6.6% เป็น 6.9% โดยขั้นต้นจะบังคับใช้มาตรการเพิ่มสัดส่วนเป็น 6.8% ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไปเพื่อผู้ผลิตไบโอดีเซลและผู้ค้าน้ำมันจะร่วมดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ได้เพิ่มขึ้นอีก 15,000 ตันต่อปี เป็น 80,000 ตันต่อปี จากที่ตั้งเป้าหมายดูดซับปริมาณให้ได้ 1.3 ล้านตันต่อปี
ในขณะที่ กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างหารือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมก๊าซธรรมชาติสำหรับผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงและราชบุรี ทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 20 สตางค์ต่อหน่วย จากที่ใช้ก๊าซธรรมชาติต้นทุนอยู่ที่ 3 บาทต่อหน่วย หากใช้น้ำมันเตาต้นทุนอยู่ที่ 6-7 บาทต่อหน่วย รวมต้นทุนค่าใช้จ่าย 1,000 ล้านบาท ซึ่งกฟผ.จะรับผิดชอบ 500 ล้านบาท และงบกลางสนับสนุน 500 ล้านบาท จึงยืนยันไม่กระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าของประชาชนที่ปัจจุบันคิดในอัตรา 3.60 บาทต่อหน่วย โดย กฟผ. ได้เริ่มวางมาตรการปรับปรุงเครื่องจักร ตั้งเป้าหมายดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ 1.6 แสนตัน ภายใน 3 เดือนหลังจากเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด
ขณะที่ กรมธุรกิจพลังงาน ได้รายงานให้ กบง. รับทราบความร่วมมือจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ทดลองใช้น้ำมันดีเซล B20 ให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 1 เดือน ตั้งเป้าหมายใช้น้ำมันดีเซล B20 ในปริมาณ 7 ล้านลิตรต่อเดือน ส่งผลให้ประมาณการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในเดือนธันวาคมจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 20 ล้านลิตรต่อเดือน คาดจะดูดซับปริมาณปาล์มได้เพิ่มขึ้นอีก 6 แสนตันต่อปี จากเป้าหมายตั้งไว้ที่ 15 ล้านลิตรต่อวัน
ส่วนแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดลง แต่ราคาขายปลีกในประเทศไม่ได้ลดลงในช่วงนี้สาเหตุเนื่องจากที่ผ่านมาราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในประเทศลดลงไปมากแล้ว 5 ครั้ง เป็นเงิน 2.10 บาทต่อลิตร ขณะนี้จึงเรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กองทุนมีเงินสำรอง
ปัจจุบันสถานะของกองทุนมีเงิน 23,500 ล้านบาท มีเงินไหลเข้า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งได้นำไปชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือน ถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการดูเสถียรภาพราคาขายปลีกในภาวะที่ผันผวน
ส่วนความคืบหน้ามาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันให้ถูกกว่าราคาขายปลีก 3 บาทต่อลิตรแก่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับ กรมการขนส่งทางบก และเป็นผู้มีรายได้น้อยตามหลักเกณฑ์ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ 15 ธันวาคม 2561โดยมีวินมอเตอร์ไซค์ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิจำนวน 40,000 ราย อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 8,500 ราย ต่างจังหวัด 31,500 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี