นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2561 ว่า บริษัทเมีรายได้รวม 965 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (31,816 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 245 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (8,078 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 34% มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 310 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (10,221 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2,506 ล้านบาท)
ทั้งนี้บริษัทยังสานต่อพันธกิจการเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการลงทุนในเวียดนาม โดยมีจุดแข็งจากการผนึกกำลังระหว่างกันในกลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาช่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน สอดรับกับแนวโน้มการใช้พลังงานของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2561 บริษัทได้ทำสัญญาการซื้อขายถ่านหิน 1.3 ล้านตัน กับ Vietnam Electricity (EVN) พร้อมเปิดสำนักงานในนครโฮจิมินห์ เพื่อประสานงานด้านการค้าในอนาคต
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าบริษัทยังคงเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 200 เมกะวัตต์ ในจังหวัดซอกจัง ของเวียดนาม คาดว่าโครงการระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์
(COD) ในปี 2564 และกำลังศึกษาโอกาสในโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป และพลังงานแสงอาทิตย์ในเวียดนามเพิ่มเติม
นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่า ไตรมาส 3/2561 บริษัทมี EBITDA ที่ 1,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิคิดเป็น 940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกำไรส่วนหลักเพิ่มขึ้นจากประสิทธิภาพในการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้าหงสา ที่สามารถรักษาระดับอัตราการจ่ายไฟ (EAF) ได้สูงกว่า 80% มาโดยตลอด
ทั้งนี้บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการ COD รวม 2,129 เมกะวัตต์ มุ่งหน้าสู่เป้าหมายกำลังการผลิต 4,300 เมกะวัตต์ โดยมีพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 20% ภายในปี 2568 ซึ่งสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของบริษัทเติบโตขึ้นจากการลงทุนในโครงการใหม่ๆ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ ที่จะทยอย COD จนครบภายในปี 2566
อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 1,206 ล้านบาท จากธุรกิจไฟฟ้าในจีน ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1,011 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 195 ล้านบาท ซึ่งลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่ลดลง และราคาต้นทุนถ่านหินในจีนที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดีบริษัทยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 1,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยในช่วง 9 เดือน ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มเติม 2 แห่ง ได้แก่ ส่วนขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนาน ระยะ 2 ในจีน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มุกะวะ ในญี่ปุ่น นอกจากนี้ในเดือนธันวาคม 2561 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นาริไอสึ ก็จะ COD เพิ่มอีกหนึ่งแห่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี