พาณิชย์ออกโรงยัน
สารสกัดจากกัญชา
ยังไม่มีจดสิทธิบัตร
พร้อมหนุนต่อยอด
รมว.พาณิชย์ ยืนยัน ไม่มีใครได้รับการคุ้มครองสิทธิบัตร“สารสกัดจากกัญชา”พร้อมสนับสนุนหากพบว่าสร้างประโยชน์ต่อประเทศ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ด้าน กรมทรัพย์สินฯ ย้ำไม่มีใครเป็น
เจ้าของจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ระบุคนไทยสามารถวิจัย ต่อยอดได้
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีการยื่นจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติของบริษัทต่างชาติในประเทศไทยนั้นว่าขณะนี้ยังไม่มีใครได้รับจดสิทธิบัตร หรือ ได้รับการคุ้มครองแต่อย่างไร โดยตามขั้นตอนขณะนี้ อยู่ในส่วนของการประกาศโฆษณา 90 วันเพื่อเปิดให้มีการคัดค้าน หากพ้นระยะเวลาก็เข้าสู่ขบวนการตรวจสอบต่อไป
ส่วนที่มีการรับยื่นขอจดสิทธิบัตรนั้น ตามหลักสากลทั่วไป หรือกฎหมาย หน่วยงานที่ดูแล จะปฏิเสธการยื่นคำร้องเพื่อขอจดสิทธิบัตรไม่ได้ ดังนั้นหน่วยงานอย่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่รับหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและกฎหมาย เพื่อตรวจสอบไปตามปกติ แต่เมื่อพ้นระยะเวลาโฆษณาก็จะไปสู่ขบวนการตรวจสอบต่อไป หากมีการคัดค้าน ก็ต้องพิจารณาตามหลักฐาน เอกสารเพิ่มเติมซึ่งใช้ระยะเวลา 5 ปีในการพิจารณา
“ตามกฎหมายของไทยแล้ว ไม่สามารถจดสิทธิบัตรเพื่อคุ้มครอง สารสกัดที่มาจากพืช หรือสัตว์ได้ ดังนั้นการขอยื่นคุ้มครองสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาของบริษัทดังกล่าวจึงไม่สามารถที่จะรับจดสิทธิบัตรเพื่อขอรับการคุ้มครองได้ ยกเว้นบริษัทดังกล่าวจะไปยื่นที่ต่างประเทศก็เป็นขั้นตอนที่สามารถทำได้ จึงไม่ต้องการให้ประชาชน หรือหน่วยงาน ส่วนงานที่เกี่ยวข้องกังวลในเรื่องนี้ ยังสามารถวิจัย พัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ต่อประเทศได้ต่อไป”
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวอีกว่าตนก็พร้อมจะสนับสนุนหากกัญชาสามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศหรือเป็นพืชเศรษฐกิจได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่สามารถรองรับได้ ต้องมีความชัดเจน เมื่ออนาคตมีความชัดเจนทางกฎหมายจริง ก็เห็นสมควรที่จะต้องสนับสนุนพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมให้ได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีก็ยังให้ความสำคัญในการศึกษาถึงผลประโยชน์จากกัญชาโดยมอบหมายให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาว่าจะพัฒนาและต่อยอดในการใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้างและให้ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องและจะได้ดำเนินการแก้ไขต่อไป โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง
“สำหรับนักวิจัยไทยยังสามารถนำการประดิษฐ์เช่นตำรับยา สารสังเคราะห์ชนิดใหม่หรือวิธีการพัฒนาสายพันธุ์พืชกัญชาจากการวิจัยและมาขอจดสิทธิบัตรได้อีกด้วยอันจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยาในอนาคตซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ดูแลเรื่องนี้จะดำเนินการตามกฎหมายสิทธิบัตรด้วยความรอบคอบรัดกุมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและยินดีเปิดรับข้อมูลและหลักฐานทางวิชาการจากทุกภาคส่วนเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา เพื่อให้ระบบสิทธิบัตรของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และจะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”นายสนธิรัตน์ ย้ำ
ด้านนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญากล่าวถึงข้อกังวลว่าการปลดล็อคเพื่อให้มีการวิจัย พัฒนาการใช้กัญชาทางการแพทย์ไทยจะไม่มีประโยชน์เนื่องจากมีบริษัทต่างชาติในประเทศไทยยื่นคำขอรับสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติแล้วนั้นว่า การยื่นคำขอรับสิทธิบัตร เป็นสิทธิ์ที่ผู้ประดิษฐ์จะพึงทำได้ตามกฎหมายสิทธิบัตร แต่ไม่ได้หมายความว่าคำขอที่ได้รับไว้นั้นจะได้รับการจดสิทธิบัตร เพราะจะต้องถูกพิจารณาตามเงื่อนไขและขั้นตอนของกฎหมายสิทธิบัตรว่าสามารถจะรับจดทะเบียนได้หรือไม่และคำขอรับสิทธิบัตรจะยังไม่ได้รับความคุ้มครอง จนกว่าจะได้รับการจดทะเบียน กรมทรัพย์สินฯจะดำเนินการตามกฎหมายสิทธิบัตรด้วยความรอบคอบรัดกุมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
“เรื่องนี้เป็นไปตามมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติของสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศต่างๆโดยสารสกัดจากกัญชาตามธรรมชาติ เป็นสารสกัดจากพืช เป็นสิ่งที่กฎหมายสิทธิบัตรของไทย ไม่ให้ความคุ้มครองอยู่แล้วจึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะได้รับสิทธิบัตร ข้อกังวลที่ว่าบริษัทต่างชาติจะได้รับสิทธิบัตรในสารสกัดกัญชาธรรมชาติ ไม่อาจเกิดขึ้นได้ และกรมทรัพย์สินฯเน้นย้ำว่าสารสกัดจากกัญชาเป็นสารสกัดจากพืชจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายสิทธิบัตรไทยนั่นหมายถึงจะไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดเป็นเจ้าของสิทธิ์ในสารสกัดจากกัญชาตามธรรมชาติ ตามกฎหมายสิทธิบัตร ทุกคนในประเทศไทยมีสิทธิ์ที่จะวิจัยและนำมาใช้ประโยชน์ได้” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าว
และว่าการปลดล็อคให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างโอกาสที่จะทำให้นักวิจัยไทยพัฒนาองค์ความรู้เพื่อใช้ในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ยาที่มีพื้นฐานจากสารสกัดกัญชาตามธรรมชาติซึ่งนักวิจัยไทย ยังสามารถนำการประดิษฐ์เช่น ตำรับยา สารสังเคราะห์ชนิดใหม่ หรือวิธีการพัฒนาสายพันธุ์พืชกัญชา จากการวิจัยของตนมาขอจดสิทธิบัตรได้อีกด้วย อันจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ยา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี