นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับในปีหมู หรือปี 2562 นั้น ทีมศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า คงไม่หมูเท่าใดนัก เพราะในฝั่งภาคต่างประเทศ สงครามการค้าจะมีผลกระทบกับภาคส่งออกของไทยมากขึ้นการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนคงจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในระยะเวลาที่กำหนดประเด็นนี้ จะรบกวนบรรยากาศการค้าโลกตลอดทั้งปี และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อมูลค่าการค้าของไทยราว 3.1 พันล้านดอลลาร์ฯ
อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนในประเด็น Brexit สถานการณ์การคลังของอิตาลี ความผันผวนของค่าเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เช่น ตุรกี อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ล้วนแล้วแต่จะทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลกท่ามกลางภาวะที่หลายธนาคารกลางในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีกระสุนจำกัดมากขึ้นหลังขึ้นดอกเบี้ยไปมากแล้ว
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า สงครามการค้าโลกจะกระทบการส่งออกไทยในปีหน้าซึ่งคาดว่าจะขยายตัวประมาณ 4.5% เทียบกับ 7.7% ในปี 2561 ขณะที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 4.0% ซึ่งต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนมาช่วยเพื่อชดเชยการส่งออกที่ผ่อนแรงลง ส่วนการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่หากราบรื่นจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการใช้จ่ายและลงทุนรวมถึงความต่อเนื่องของการผลักดันงบประมาณปี 2563 ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายและลงทุนของภาครัฐยังเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญไปจนถึงครึ่งปีหลัง
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวว่า นอกจากความต่อเนื่องของการใช้จ่ายและลงทุนภาครัฐแล้ว ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยติดตามที่สำคัญ ก็คือคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคมซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของปีนี้ เช่นเดียวกับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ประชุมวันเดียวกัน หลังมีการส่งสัญญาณจากธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.)อย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ขณะที่ในปี 2562 กนง.ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก แต่น่าจะเป็นในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้ง
การปรับดอกเบี้ยแบงก์ในช่วงครึ่งปีแรก คงเน้นไปที่อัตราเงินฝากประจำพิเศษ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านและกู้รถที่มีระยะค่อนข้างยาว ขณะที่ แรงส่งสินเชื่อจะชัดเจนในครึ่งปีหลัง แต่ด้วยเศรษฐกิจที่มีแรงส่งลดลงคงทำให้เห็นสินเชื่อปี 2562 ขยายตัว 5.0% ชะลอลงจาก 6.0% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของระบบธนาคารไทยและต่างชาติ มีโอกาสแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในช่วงระหว่างปี 2562 ก่อนที่จะมาแตะระดับ 2.98% ณ สิ้นปี 2562 จาก 2.91% ณ สิ้นปี 2561 เพราะเอ็นพีแอลมักปรับตัวตามเศรษฐกิจราว 6 เดือน สินเชื่อเอสเอ็มอีและบ้าน ยังเป็นกลุ่มที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ
นางสาวเกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปีหน้ากลุ่มค้าปลีกออนไลน์ โรงพยาบาลเอกชน และก่อสร้างภาครัฐ เป็นกลุ่มที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ส่วนธุรกิจที่ชะลอตัวได้แก่ เกษตร รถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี