เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.เป็นผู้ชนะการประมูลยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยทั้งแหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกชนั้น โดยส่วนตัวมองว่า ผลการประมูลครั้งนี้เป็นประโยชน์กับประชาชนทั่วไปที่จะได้ใช้ไฟฟ้าและก๊าซเอ็นจีวีในราคาที่ถูกลง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนผลิตที่ต่ำลง ส่วนราคาขายก๊าซก็เหมาะสมแล้ว
ส่วนกรณีที่เครือค่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.) ได้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการประมูลแหล่งเอราวัณและบงกช ถึงกระบวนการประมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชน ว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือเรียกร้องดังกล่าวของ คปพ. แต่พร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย
นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า กรณีที่มีผู้เข้าใจว่าการแข่งขันประมูลแหล่งเอราวัณและบงกช ที่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลทั้ง 2 แหล่งด้วยการเสนอราคาก๊าซต่ำอยู่ที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู ลดลงจากราคาขายในแหล่งบงกชปัจจุบันอยู่ที่ 214 บาทต่อล้านบีทียู ถือเป็นความเข้าใจที่
คาดเคลื่อน เนื่องจากข้อเท็จจริง คือ การเสนอราคาก๊าซดังกล่าวเป็นการเสนอราคาประมูลขั้นต้น(X) แต่ในสูตรราคาซื้อขายก๊าซที่แท้จริงยังจะต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ น้ำมันดูไบ เงินเฟ้อ เป็นต้น ดังนั้น ราคาซื้อขายก๊าซ จะเป็น ราคาก๊าซขั้นต้นที่ได้จากการประมูล นำมาคำนวณรวมกับราคาอื่นๆด้วย จึงไม่ใช่แค่ 116 บาทต่อล้านบีทียู แต่จะเป็นเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับค่าการผันแปรในแต่ละปี
ส่วนหลายฝ่ายมีการประเมินว่า ปตท.สผ. เสนอราคาขายก๊าซต่ำเกินไป ในขณะที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงขึ้นนั้น ในข้อเท็จจริงคือ การลงทุนในทั้ง 2 แหล่งไม่ได้เป็นการเริ่มลงทุนใหม่ แต่ที่ผ่านมาได้มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไปแล้ว เหลือเพียงการลงทุนขุดเจาะสำรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ปริมาณปิโตรเลียมตามสัญญา จึงนับว่าเป็นการลงทุนที่ไม่ได้สูงมากนัก
“ส่วนการประมูลครั้งนี้ ที่มีการประเมินว่า ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับภาครัฐรวมเป็นมูลค่า 6.5 แสนล้านบาทในช่วง 10 ปี อาจจะน้อยเกินไปนั้นอัตราดังกล่าวถือว่าเหมาะสมแล้ว เพราะการประมูลรอบนี้ เป็นไปตามระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC) ซึ่งต่างไปจากเดิมที่เป็นระบบสัมปทาน อย่างไรก็ตาม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เตรียมแถลงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับผลการประมูลแหล่งเอราวัณและบงกชอีกครั้งในวันที่ 17 ธันวาคมนี้”นางเปรมฤทัยกล่าว
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กรมเชื้อเพลิงฯจะส่งหนังสือไปถึงเชฟรอน ผู้รับสัมปทานปัจจุบันเพื่อให้รับทราบผลการประมูลครั้งนี้
ทั้งนี้แหล่งเอราวัณจะหมดอายุสัมปทานปี 2565 ส่วนแหล่งบงกช หมดอายุสัมปทานในปี 2566
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี