เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) แถลงข่าว “ทิศทางตลาดเงินในปี 2562 และปัจจัยท้าทาย” โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ
นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)คาดว่า จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 1.50 โดยจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพและสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายในอนาคต ขณะที่แนวโน้มการบริโภคในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมคาดว่า กนง. จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก ร้อยละ 0.25 ในไตรมาส 1 ปี 2562 ส่งผลให้ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 2 ก่อนสิ้นปี 2562 ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยของกนง.ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะตลาดรับข่าวมามากพอสมควร และแม้ปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง อัตราดอกเบี้ยไทยก็ยังอยู่ระดับต่ำ
“เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ต่างๆจะยังไม่ปรับดอกเบี้ยตาม กนง.ทันที เพราะสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่อีกมาก หากจะปรับดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นคงจะเป็นปี 2562”นายตรรก กล่าว
ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่าเฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ร้อยละ 2.25 - 2.50 ในการประชุมวันที่ 18 - 19 ธันวาคม จุดที่น่าสนใจหลักจะอยู่ที่ประมาณการดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงการประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ หากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงในปี 2562 เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าได้ และจะมีผลให้เงินบาทและเงินสกุลอื่นๆ แข็งค่า โดยคาดว่าเงินบาทในไตรมาสแรกปี 2562 จะแข็งค่าที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะมีปัจจัยบวกมาจากการเลือกตั้งในประเทศไทยที่เป็นความหวังต่อเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.1 ส่วนการส่งออกโตร้อยละ 4.5 ท่ามกลางความเสี่ยงสงครามการค้า และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่จะทำให้สถาบันการเงินต่างๆ มีภาระต้นทุนการเงินสูงขึ้น แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มอบหมายให้ ธพว. ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีต้นทุนการดำเนินธุรกิจต่ำที่สุด ดังนั้น ธพว.ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร MLR (Minimum Loan Rate) ไว้เท่าเดิมที่ 6.875% ต่อปี อย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จากนั้นจึงจะพิจารณาทบทวนความเหมาะสมอีกครั้งต่อไป
ขณะที่ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 18 ธันวาคม 2561 พิจารณาเห็นชอบมาตรการด้านการเงินของ ธพว. โดยให้ขยายระยะเวลา สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน (Local Economy Loan) วงเงิน 30,000 ล้านบาท ไปถึง 18 ธันวาคม 2562 ซึ่งสินเชื่อดังกล่าว จะถูกนำมาใช้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน ลงทุนซื้อเครื่องจักร ขยายปรับปรุงกิจการ ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยถูก สำหรับบุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ยเพียง 0.42% ต่อเดือน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และหากยกระดับเข้าสู่การเป็นนิติบุคคล จัดทำบัญชีเดียว จะมีอัตราดอกเบี้ยถูกลงไปอีก เหลือเพียง 0.25% ต่อเดือนเท่านั้น วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยมีการยื่นกู้แล้ว 11,000 ราย วงเงิน 20,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 9,000 ราย วงเงิน 14,100 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี