น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2561 อยู่ที่ 101.73 ขยายตัว 0.36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.65% จากเดือนพฤศจิกายน 2561 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ 102.30 ขยายตัว 0.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 0.01% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า
ขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 102.62 ขยายตัว 0.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.36% เมื่อเทียบเดือนพฤศจิกายน 2561 ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มอยู่ที่ 101.25 ขยายตัว 0.06% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.81% เมื่อเทียบเดือนพฤศจิกายน 2561 ส่งผลให้ CPI ปี 2561 ขยายตัวเฉลี่ย 1.07% ส่วน Core CPI ขยายตัว 0.71%
“เงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2561 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 แต่ถือว่าชะลอลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สาเหตุสำคัญจากการลดลงของราคาพลังงาน และราคาผลผลิตทางการเกษตรบางชนิดตามปริมาณผลผลิตที่ออกมาขณะที่ราคาสินค้าและบริการในหมวดอื่นยังขยายตัวได้ สอดคล้องกับเครื่องชี้อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2561 ขยายตัว 1.07% อยู่ในกรอบคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.8-1.6%” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในปี 2562 ประเมินว่าเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 1.23% หรืออยู่ในกรอบ 0.7-1.7% ภายใต้สมมุติฐาน 3 ด้านสำคัญ คือ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 3.5-4.5% ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนทั้งปีเฉลี่ยที่ 32.50-33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อไตรมาส 1/62 ขยายตัว 0.86% ไตรมาส 2/62 ขยายตัว 0.98% ไตรมาส 3/62 ขยายตัว 1.27% และไตรมาส 4/62 ขยายตัว 1.81%
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อมาจากราคาพลังงานซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะดีขึ้น ราคาสินค้าเกษตรข้าว และมันสำปะหลัง ยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีก่อน สินค้าอุตสาหกรรมหลายตัวที่ผลิตในประเทศมีสัญญาณต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น การส่งออกยังขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาท มีทิศทางอ่อนค่าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐ
“เงินเฟ้อในไตรมาสแรกมีโอกาสจะขยายตัวได้มากกว่าระดับที่ประมาณการไว้ที่ 0.86% ซึ่งอาจจะอยู่ในระดับ 1% ได้ เนื่องจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีการเลือกตั้งคาดว่าจะส่งผลให้มีการใช้จ่ายเพิ่มในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง เช่น วัสดุอุปกรณ์ทำป้ายผู้ลงสมัคร, รถกระบะ เป็นต้น อีกทั้งยังมีผลต่อความเชื่อมั่นของทั้งประชาชนและนักลงทุนในการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นตามไปด้วย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี