นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการทำงานและการส่งเสริมการลงทุนในปี 2562 ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ว่าบีโอไอได้รายงานสถานการณ์การลงทุนปี 2561 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 1,626 โครงการ สูงกว่าปีก่อน 3% มูลค่าเงินลงทุนรวม 901,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43%
“ยอดขอส่งเสริมที่เกินเป้า เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยานยนต์หลายรายมายื่นรับส่งเสริมในกิจการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งมาตรการจะสิ้นสุดในปี 2561 ทำให้มูลค่าคำขอสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 25%” นายสมคิดกล่าว
ภาพรวมโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนปี 2561 อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นส่วนใหญ่ 84% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนกว่า 758,000 ล้านบาท ประกอบด้วย อุตสาหกรรมดิจิทัล การแพทย์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และอากาศยาน เงินลงทุนรวม 539,000 ล้านบาท และอุตสาหกรรมเป้าหมายเดิม ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ท่องเที่ยว และแปรรูปอาหารเงินลงทุนรวม 219,000 ล้านบาท
ยอดคำขอและจำนวนโครงการรับส่งเสริมการลงทุนในปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นโครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 422 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 683,910 ล้านบาท เป็นคำขอลงทุนใน จ.ชลบุรี มากที่สุด 193 โครงการ เงินลงทุนรวม 576,910 ล้านบาท รองลงมา คือจ.ระยอง 156 โครงการ เงินลงทุน 58,700 ล้านบาท และจ.ฉะเชิงเทรา 73 โครงการ เงินลงทุน 48,300 ล้านบาท
นอกจากนี้ มอบหมายให้บีโอไอรื้อฟื้นโครงการบ้านบีโอไอ ที่เคยดำเนินการมาแล้วเมื่อปี 2535 โดยปรับหลักเกณฑ์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์สามารถลงทุน ก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกได้ แต่บีโอไอต้องมีเงื่อนไขและมาตรฐานที่ควบคุม คุณภาพไม่ให้เอาเปรียบผู้บริโภคและลดความเหลื่อมล้ำ
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าบีโอไอมองปี 2562 ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัว บีโอไอจึงตั้งเป้าหมายคำขอรับการส่งเสริมลงทุน 7.5 แสนล้านบาท สูงขึ้นไม่มากจากปี 2561 ที่ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 7.2 แสนล้านบาท แต่ยอดคำขอทั้งปีทำได้ถึง 9 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้
“เศรษฐกิจโลกยังผันผวน การเมืองที่ไทยกำลังจะจัดให้มีการเลือกตั้งมีผลทั้งบวกและลบ โดยมีปัจจัยบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซีที่ต้องทำให้ได้ก่อนเลือกตั้ง เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น” นายกอบศักดิ์กล่าว
ส่วนสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ยังส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติ เช่น เกาหลี จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ สนใจที่จะย้ายฐานเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น จากทั้งนักลงทุนในจีนและสหรัฐ เนื่องจากมีความกังวลเรื่องกำแพงภาษีที่จะส่งออกสินค้าไปจีนและสหรัฐ ทำให้ไทยเนื้อหอมโดยปริยาย
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2562 บีโอไอมีแผนชักจูงการลงทุนในประเทศเป้าหมาย เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สหรัฐ และกลุ่มยุโรป โดยจะใช้กลยุทธ์เจาะลึกให้รายละเอียดและข้อมูลเป็นรายบริษัท เพื่อสร้างความเข้าใจในนโยบายส่งเสริมการลงทุนแบบเชิงลึกมากขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในพื้นที่อีอีซี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี