ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11มกราคม 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ครั้งที่ 1/2562

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่าที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับปรุงประเภทกิจการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องโดยให้ความสำคัญกับการผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สำหรับระบบรางที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญ และการผลิตชิ้นส่วนและ/หรือระบบสนับสนุนที่จำเป็น อาทิ การผลิตโครงสร้างหลัก ตู้โดยสาร ห้องควบคุมรถและอุปกรณ์ โบกี้ ระบบห้ามล้อและ/หรือชิ้นส่วนสำคัญ ระบบไฟฟ้าและระบบจ่ายไฟฟ้า ระบบควบคุมและระบบอาณัติสัญญาณ รางและชิ้นส่วนราง เป็นต้น รวมทั้งการออกแบบทางวิศวกรรม พร้อมกำหนดมาตรการพิเศษเพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนในกลุ่มกิจการอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานรองรับระบบขนส่งมวลชนทางรางของภาครัฐในอนาคต

ทั้งนี้ บีโอไอ จะส่งเสริมการลงทุนระบบราง เปิดให้ภาคเอกชนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3-5 ปี หากภาคเอกชนมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมระบบรางในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ขอนแก่น และนครราชสีมา จะลดภาษีให้นาน 5 ปี หวังให้ภาคอีสานเป็นศูนย์กลางการผลิต ซ่อม สร้างขบวนรถไฟฟ้า และโลจิสติกส์ หวังสร้างแรงงานท้องถิ่นที่ต้องการแรงงานจำนวนมากในอนาคต ช่วงที่ผ่านมาบีโอไอออกไปชักชวนนักลงทุนต่างชาติ เช่น เยอรมนี เข้ามาลงทุนระบบรางในเมืองไทย

นางสาวดวงใจกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีย้ำในที่ประชุม ให้กระทรวงการคลังช่วยดูแลเกี่ยวกับมาตรการภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ภาคเอกชน และขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งการดูแลการกำจัดของเสียภายในโรงงานอุตสาหกรรมทั้ง โดยเฉพาะน้ำเสียและปัญหาขยะตามกฎหมายรองรับ ขณะเดียวกัน รัฐบาลให้ความสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว ทั้งปาล์ม ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย มะพร้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ

โดยในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกำชับ ให้ทุกหน่วยงานติดตามการรายงานเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ปรากฏในกระแสโซเซียล ซึ่งมีทั้งข้อมูลที่เป็นจริงและเท็จ ขอให้ทุกหน่วยงาน เร่งชี้แจงเพื่อสร้างการรับรู้และให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องด้วย