21 ม.ค.2562นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแคปปิตอลวันเรียลเอสเตท จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ชั้นนำในเมืองไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริหารตลาดคอนโดมิเนียมในโซนสุขุมวิท มีพอร์ตบริหารการขายจำนวน 30,000.ล้านบาท เปิดเผยถึงสถานการณ์กลุ่มชาวจีนต่ออสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยที่ลดลงว่า เนื่องมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลายฝ่ายกลัวว่าจะมีผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าชาวจีน ซึ่งอาจจะมีผลในระยะสั้นและระยะกลาง เนื่องจาก ประธานาธิบดี Donald Trump เหลือวาระดำรงตำแหน่งอีกเพียง 2 ปี หาก Donald Trump ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่หาเสียงไว้ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ได้รับเลือกเข้ามาอีกครั้ง ทำให้นโยบายต่างประเทศเปลี่ยนแปลง
ส่วนความกังวลต่อค่าเงินหยวนที่ค่าเงินหยวนได้อ่อนค่าอยู่ในระดับปัจจุบันที่ 6.8 หยวนต่อ 1 USD ซึ่งปรับตัวจาก 6.3 หยวนต่อ 1 USD จากช่วงต้นปี 2018 (ปี 2561) เป็นผลมาจากตอบโต้โดยการดำเนินโนบายทางการเงินของรัฐบาลจีน เพื่อทดแทนราคาสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นจากกำแพงภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้สหรัฐขาดดุลการค้า 55,000 ล้านสหรัฐ เดือนตุลาคม 2018 สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2008 (ปี 2551) ไม่ได้เกิดจากปัญหาทางเศรษฐกิจในประเทศจีน โดยสังเกตได้ว่าเงินหยวนได้ขยับตัวอ่อนค่าหลังจากเดือนกรกฎาคม 2018 หลังจากช่วงเวลาที่ Donald trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และแม้ขณะนี้ ความกดดันเรื่องสงครามการค้าจะบรรเทาลง แต่ก็ต้องเฝ้าดูบรรยากาศจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร
ในขณะที่ระดับอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันที่ 6.7781 หยวนต่อ 1 USD ( วันที่ 18/01/2019) อัตราแลกเปลี่ยนใกล้เคียงในปี 2010 (ปี 2553 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 6.8268 หยวนต่อ 1 USD ) และก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจีนอยู่ในยุคทองที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยมีอัตราเปอร์เซ็นต์มากกว่า 2 หลักต่อปี ดังนั้น เศรษฐกิจจีนจึงมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นภายในปีหน้า แต่อาจจะผลกระทบต่อจิตวิทยาของกลุ่มผู้ซื้อในระยะสั้น และอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากนี้จะคงอยู่ที่ระดับ 6.8-6.9 หยวนต่อ 1 USD ในอีกระยะเวลานาน หากยังไม่มีข้อตกลงในการยุติสงครามการค้า
อย่างไรก็ตาม ชาวจีนที่มีจำนวนประชากรทั้งประเทศประมาณ 1,300 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าประมาณ 4 เท่าของประชากรสหรัฐอเมริกา สัดส่วนของชาวจีนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศคาดการณ์ว่าไม่เกิน 0.1% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่เงินเก็บค่อนข้างสูงและเจ้าของธุรกิจ และเงินเก็บบางส่วนจะอยู่ในสกุลเงิน USD โดยลงทุนในต่างประเทศเช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา มีฐานะทางการเงินค่อนข้างมั่นคงจึงหาทางเลือกในการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในทางเลือกนั้นและเป็นบางส่วนของการลงทุนในต่างประเทศของชาวจีน
นายวิทย์ กุลธนวิภาส กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มองว่าลูกค้าจีนจะเป็นปัญหาทั้งหมด เนื่องจากการซื้อและไม่โอนกรรมสิทธิ์เป็นเพียงบางส่วน และเกิดจากบริษัทนายหน้าเท่านั้น หรืออาจจะป้องกันปัญหาโดยควรจะมีการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อมีข้อบังคับและระเบียบในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ลูกค้าชาวจีนมีพฤติกรรมที่เปิดกว้างในต่างประเทศมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภูมิภาคเอเซียรอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในขณะที่ยุโรปและสหรัฐยังมีปัญหายังไม่ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และควรให้ความสำคัญต่อการบริการหลังการขายต่อลูกค้าชาวจีนเพื่อชื่อเสียงของประเทศในชาวต่างชาติที่ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี