สนช.มาเงียบ ผ่านร่าง พ.ร.บ.กสทช.ฯ เปิดทาง “กสทช.” คุมกิจการดาวเทียมทั้งใน-ตปท.ทั้งหมด พร้อมเปิดทางเอาคลื่นความถี่ขายต่อได้
29 ม.ค.62 แหล่งข่าวระดับสูงจากกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2562 (แก้ไขครั้งที่ 3)
ร่างกฎหมายใหม่ มีสาระสำคัญ คือ เพิ่มบทบัญญัติเพื่อการใช้วงโคจรดาวเทียมให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กสทช.ในเรื่องของการบริหารจัดการคลื่นความถี่ ซึ่งในร่าง พ.ร.บ.กสทช.ฉบับใหม่ มาตรา 3 ได้เพิ่มบทนิยามของคำว่า “สิทธิ” ในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม เข้ามา ซึ่งหมายถึงสิทธิที่ประเทศไทยหรือหน่วยงานของรัฐได้รับอยู่ หรือมีอยู่ในการส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรตามข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ โดยคำว่า “สิทธิ” ในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ยังถูกสอดแทรกในมาตรา 11/1 ของร่างกฎหมายฉบับใหม่ โดยให้ กสทช.ทำแผนการบริหารสิทธิเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ที่จะต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมทั้งหมดที่ประเทศไทยมีอยู่ และแนวทางการได้มาและรักษาสิทธิวงโคจรดาวเทียม รวมถึงการสละสิทธิ และการอนุญาตให้ใช้สิทธิดังกล่าว
“กิจการดาวเทียมภายใต้กฎหมายใหม่ ให้สิทธิ กสทช.เป็นผู้ดูแลกิจการดาวเทียมกระบวนการอนุญาตให้ใช้ดาวเทียม ตั้งแต่การเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (ไฟล์ลิ่ง) และกระบวนการทั้งหมด รวมไปถึงการอนุญาตดาวเทียมต่างชาติด้วยทั้งหมด แต่ที่เป็นระบบสัมปทานยังคงให้กระทรวงดีอีเป็นผู้ดูแล”
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหน้าที่ในกระบวนการอนุญาตสิทธิในการเข้าใช้วงโคจร เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะหน่วยงานของรัฐโดยตรง ซึ่งมีประเด็นในเรื่องการรักษาสิทธิวงโคจรระหว่าง บมจ.ไทยคม ที่มีความเห็นไม่ตรงกันในตัวดาวเทียมไทยคม 7 และ8 ซึ่งไทยคมยึดตาม พ.ร.บ.กสทช.ฉบับแก้ไข ปี2560 ในการประกอบกิจการแบบใบอนุญาต(ไลเซ่นส์) และดาวเทียมดวงดังกล่าวได้ยิงขึ้นสู่วงโคจรตั้งแต่ปี 2557 โดยภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช.
แต่เมื่อมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามที่กระทรวงดีอีเสนอไป กลับมีคำสั่งให้ไทยคม 7และ8 ไปอยู่ในระบบสัมปทาน ซึ่งไทยคมยืนยันมาตลอดไม่เห็นด้วยความคำสั่งดังกล่าว โดยดาวเทียมที่ไทยคมให้บริการอยู่ในขณะนี้มีไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ไทยคม 5 ไทยคม 6 ไทยคม 7และไทยคม 8 โดยดาวเทียม 3 ดวงแรกจะสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2564
นอกจากนี้ในกฎหมายฉบับใหม่มาตรา10/2 (แก้ไขมาตรา 44/3 ของ พ.ร.บ.กสทช.2553) ระบุว่า ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เป็นสิทธิเฉพาะตัวโอนแก่กันไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก กสทช. และเสียค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งรายละเอียดการโอนใบอนุญาตจะเป็นอำนาจของ กสทช.ในการออกประกาศภายหลัง ซึ่งเมื่อ กสทช. อนุญาตให้มีการโอนใบอนุญาต ให้ กสทช. ออกใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงฯ ให้กับผู้รับโอน ซึ่งต้องเป็นไปตามลักษณะ ประเภท และขอบเขตของใบอนุญาตที่รับโอนมา ซึ่งเท่ากับเปิดช่องให้เอกชนที่ได้สิทธิใช้งานคลื่นความถี่ตามการจัดสรรของ กสทช. หากไม่ต้องการใช้งานคลื่นความถี่แล้วก็สามารถให้สิทธิกับเอกชนรายอื่นได้ หรือการเอาคลื่นความถี่ไปขายนั้นเอง แต่รายละเอียดวิธีการโอน กสทช.จะยังมีอำนาจกำกับดูแลอยู่
ขณะเดียวกัน กฎหมายใหม่ยังเปิดทางให้คลื่นความถี่บางประเภทไม่ต้องประมูล โดยในมาตรา 10/2 (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 42 ของ พ.ร.บ.กสทช.2553) กำหนดให้บางคลื่นความถี่ กสทช.ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการประมูล เพื่อขออนุญาตใช้งาน ได้แก่ คลื่นความถี่ที่มีเพียงพอต่อการใช้งาน คลื่นความถี่ที่ กสทช.ประกาศกำหนดให้นำไปใช้ในกิจการเพื่อบริการสาธารณะ ความมั่นคงของรัฐ หรือกิจการอื่นที่ไม่แสวงหากำไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี