นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 ว่า ได้กำชับให้ปรับเปลี่ยนการทำงานใหม่จากเป็นหน่วยงานกำกับดูแล มาสู่การเป็นหน่วยงานให้การส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้พัฒนาศักยภาพของตัวเองสู่ธุรกิจ 4.0 ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมปรับวิธีคิดใหม่อย่าคิดแบบไดโนเสาร์เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ได้เร่งพัฒนาหลายอุตสาหกรรมขึ้นมาเทียบกับไทย และนัลงทุนต่างประเทศเริ่มมีการเปรียบเทียบการลงทุนระหว่างไทยกับเวียดนาม ดังนั้นหากไม่ปรับตัว คาดว่าภายใน 3 ปี ไทยอาจโดนเวียดนามแซงหน้าอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ให้เร่งขับเคลื่อนการจัดตั้ง บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด โดยจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้ นับเป็นแพลตฟอร์มกลาง ที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนา สตาร์ทอัพไทยครบวงจร เพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพสู่การเป็นยูนิคอร์น หรือธุรกิจที่เติบโตรวดเร็วมูลค่าสูง และเป็นการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมยั่งยืน โดยมีการประสานการทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตและเข้าสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ต่อไป การส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพจะทำหลากหลายธุรกิจ ไม่เน้นเฉพาะฟินเทคอย่างฮ่องกงไซเบอร์พอร์ต
ทั้งนี้ ในส่วนผู้ขับเคลื่อน บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) นายสมคิด ได้ขอให้พิจารณาทาบทามนายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เข้ามาทำหน้าที่ซีอีโอขับเคลื่อน และนายวีระพงศ์ มาลัย รองอธิการบดี ฝ่ายพัฒนานวัตกรรมและผู้ประกอบการสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
นอกจากนี้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) เดินหน้าประสานความร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น 20 แห่ง เพื่อประสานความร่วมมือในการทำความรู้และเทคโนโลยีที่แต่ละจังหวัดเชี่ยวชาญ เข้ามาช่วยพัฒนาด้านการเกษตร เกษตรแปรรูปของไทย และในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ กสอ.จะลงนามเอ็มโอยูกับรัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดวากายะมะ (WAKAYAMA) เป็นจังหวัดที่ 21 ปีนี้ นอกจากนี้ มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)ดูแลช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย
นายสมคิดกล่าวว่า ได้มอบหมายให้ สศอ.เดินหน้า Connected Industry โดยเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการนำระบบ AI และ IoT เข้ามาใช้ภายใน 5 ปีนับจากนี้ไป เพราะจะช่วยให้มีความสะดวกในการเข้ามาร่วมมือของผู้ประกอบการไทยกับญี่ปุ่น พร้อมเดินหน้าระบบ National Reskill Platform เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้คนไทยสู่ประเทศไทย 4.0 และอุตสาหกรรม 4.0 โดยมีเป้าหมายปีละ 80,000 คน เพราะหากไทยไม่มีแรงงานที่มีทักษะที่จะสร้างอุตสาหกรรมได้ การทำงานจะต้องร่วมมือกับนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม หรือ เมติ ของประเทศญี่ปุ่น อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธนาคารเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(ธพว.)ให้เร่งพัฒนาธุรกิจโชห่วยให้เปลี่ยนแปลงธุรกิจสู่การเป็นธุรกิจสมัยใหม่เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจไม่สอดคล้องกับโครงสร้างธุรกิจปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ให้ประสานความร่วมมือกับธนาคารออมสิน และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้ามาร่วมมือด้วย โดยไปรษณีย์ไทยจะช่วยในเรื่องการส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี