นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวกรณีสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) เร่งประสาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติสินเชื่อ 6,000 ล้านบาท กรอบ 3 ปี (ปี 2562-64) เพื่อซื้อรถในกระบวนการผลิตอ้อย เป็นมาตรการสำคัญในการลดการเผาอ้อย ว่า กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรมีความพร้อมในการผลิตเครื่องตัดอ้อยรองรับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้ชาวไร่อ้อยใช้เครื่องตัดอ้อยแทนการเผา เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองที่กำลังเป็นปัญหามลภาวะทางอากาศของประเทศได้ และช่วยลดต้นทุนการนำเข้าเครื่องจักรราคาสูงได้ 30-50%
ทั้งนี้ภาครัฐควรกำหนดให้โรงงานน้ำตาลที่รับซื้ออ้อยจากชาวไร่ไม่รับซื้ออ้อยที่ใช้วิธีการเผาเด็ดขาด รวมทั้งจัดหาอุปกรณ์เครื่องจักรกลตัดอ้อยในลักษณะโครงการเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือทุนในการจัดซื้อเครื่องตัดอ้อยแทนการเผา เพื่อช่วยแก้ปัญหามลภาวะ โดยการใช้เครื่องจักรกลเกษตร จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในการตัดอ้อย ช่วยลดต้นทุนค่าแรงงาน เนื่องจากชาวไร่อ้อยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายเล็กและขนาดกลาง เกษตรกรไม่มีเงินทุนมากพอที่จะจ้างแรงงาน การรวมกลุ่มเพื่อระดมเงินทุนซื้อเครื่องจักรตัดอ้อยก็ไม่แข็งแรงพอ
“ภาคเอกชนโดยสอท.มีนโยบายส่งเสริมไทยทำไทยใช้ (เมดอินไทยแลนด์) อยู่แล้ว ซึ่งนอกจากรัฐบาลจะมีโครงการเงินกู้ช่วยเหลือเกษตรกรในฐานะผู้ซื้อให้ซื้อเครื่องตัดอ้อย ก็อยากให้สนับสนุนภาคการผลิตให้มีการลงทุนเทคโนโลยีเครื่องจักรกลที่ทันสมัย ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร ปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยไม่เพียงผลิตใช้ในประเทศ แต่ยังส่งออกจนเป็นที่ยอมรับในประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม รวมถึงแอฟริกา คาดว่าจะกระตุ้นให้เกิดความต้องการเครื่องจักรกลการเกษตรให้เติบโตได้ 10-15%”นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับปัญหาปริมาณฝุ่นละออกขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ที่มีปริมาณเกินมาตรฐาน ส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาในภาคการเกษตร อาทิ วัชพืช ตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อย เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ขณะเดียวกันยังมีการเผาในภาคเกษตรของประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชาในช่วงที่ทิศทางลมพัดฝุ่นควันเข้ามาในไทย 10% และเกิดจากการก่อสร้างต่างๆ ทั้งคอนโดมิเนียม รถไฟฟ้าอีกประมาณ 4% ทำให้เกิดปัญหารถติดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ดังนั้นมลภาวะส่วนใหญ่ จึงมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในรถยนต์โดยเฉพาะรถที่ให้บริการสาธารณะ รถที่ใช้น้ำมันดีเซล และรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่จำนวนไม่น้อยมีอายุการใช้งานมานานกว่า 10 ปี
อย่างไรก็ตามจากรายงานธ.ก.ส. แจ้งว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.เพื่อให้ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อให้สหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน วงเงิน 6,000 ล้านบาท นำไปซื้อรถที่ใช้ในกระบวนการผลิตอ้อย อาทิ รถสางใบ รถคีบอ้อยและรถตัด โดยรถดังกล่าวมีราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทต่อคัน เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อได้ จึงต้องซื้อผ่านกลุ่ม เชื่อว่ามาตรการนี้ จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร ทำให้เข้าถึงเครื่องจักร ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และลดการเผาไร่อ้อย โดยคุณสมบัติผู้กู้จะต้องเป็น สหกรณ์การเกษตร หรือวิสาหกิจชุมชน มีโรงงานอ้อยเป็นผู้ค้ำประกัน สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 4% ต่อปี สหกรณ์จ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 2% รัฐบาลสนับสนุนอีก 2% เป็นระยะเวลา 3 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี