นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ผลประกอบการของเอ็กโก กรุ๊ป ปี 2561 ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 21,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 9,255 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 78 หากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงาน บริษัท มีกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 23,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 14,104 ล้านบาท หรือร้อยละ 152 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ 3 แห่ง จำนวน 14,177 ล้านบาท ได้แก่ ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดใน บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก บจ.จีเดค และ บจ.มาซินลอค พาวเวอร์ พาร์ทเนอร์ และมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 9,195 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ เท่ากับบริษัทจ่ายเงินปันผลตลอดปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 9.50 บาท
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2562 เอ็กโก กรุ๊ป เล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมไฟฟ้าในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตค่อนข้างจำกัด บริษัทจึงมุ่งขยายการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก โดยจะต่อยอดธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนที่มีฐานอยู่แล้ว ได้แก่ สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เช่น ธุรกิจแอลเอ็นจี โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็งอย่าง บริษัท เอสเค อีแอนด์เอส จำกัด
ส่วนการลงทุนในประเทศไทย เอ็กโก กรุ๊ป มีความพร้อมสำหรับการลงทุนตามนโยบายของภาครัฐและแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ฉบับใหม่ (PDP 2018) โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ IPP บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าแข่งขันประมูลในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นภาคตะวันตก ภาคใต้ หรือภาคตะวันออก
ทั้งนี้ในปี 2562 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 30,000 ล้านบาท สำหรับ 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพาจู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2562 โดยโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 โครงการ รวมกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายและตามสัดส่วนการถือหุ้น 544 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า “ไซยะบุรี” 160 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว โรงไฟฟ้า “ซานบัวนาเวนทูรา” 223 เมกะวัตต์ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้งสองโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในปี 2562 และโรงไฟฟ้า “น้ำเทิน 1” 161 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในปี 2565 ทั้งนี้ งบลงทุนดังกล่าวไม่นับรวมโครงการใหม่ที่จะเข้าไปลงทุนและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า “กวางจิ” ประเทศเวียดนาม และโรงไฟฟ้า “สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ ส่วนขยาย” ประเทศอินโดนีเซีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี