นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 มีมติเห็นชอบปรับกรอบการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง) หลังพบว่ามีผู้ยื่นจองสิทธิสูงกว่ากรอบวงเงินที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)กำหนดไว้
โดยกรอบวงเงินกู้กลุ่มรายได้ต่อคนไม่เกิน 25,000 บาท/เดือน กรอบเดิม 20,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มกรอบวงเงินใหม่เป็น 40,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มรายได้ต่อคนเกินกว่า 25,000 บาท/เดือน ปรับลดกรอบวงเงินใหม่จากเดิม 30,000 ล้าน เหลือ 10,000 ล้านบาท และจะสิ้นสุดการทำนิติกรรม เมื่อ ธอส.ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินคือ 50,000 ล้านบาท แต่ไม่เกินวันที่ 30 ธันวาคม 2564 จากเดิมที่จะสิ้นสุดการทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2562
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้รายงานผลการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งหลังจากที่ ธอส. เปิดให้ประชาชนจองสิทธิสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท พบว่ามีประชาชนให้ความสนใจยื่นจองสิทธิสินเชื่อ รวมทั้งสิ้น 127,102 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่ากรอบวงเงินสินเชื่อที่ ธอส. ได้กำหนดไว้จำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าโครงการบ้านล้านหลังสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง
โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน มีผู้ยื่นจองสิทธิ 113,064 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ากรอบวงเงินที่ ธอส. กำหนดไว้ จำนวน 93,064 ล้านบาท (ธอส. กำหนดกรอบวงเงินไว้ 20,000 ล้านบาท)
ในขณะที่ยอดจองสินเชื่อสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่อเดือนต่อคนเกิน 25,000 บาท มีผู้ยื่นจองสิทธิเพียง 14,038 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากรอบวงเงินที่ ธอส. กำหนดไว้ จำนวน 15,962 ล้านบาท (กำหนดกรอบวงเงินไว้ 30,000 ล้านบาท) ดังนั้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อที่อยู่อาศัยและได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว ธอส. จึงได้ปรับกรอบการดำเนินโครงการบ้านล้านหลัง ซึ่งคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ในครั้งนี้กระทรวงการคลังจึงนำเสนอ ครม.เห็นชอบปรับกรอบการดำเนินโครงการบ้านล้านหลังนี้
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยแผนพัฒนาโลจิสติกส์ ว่ารัฐบาลมีนโยบายลงทุนตัดถนนสายใหม่ และขยายถนนสายหลักในภาคอีสานตอนกลางเพื่อเชื่อมต่อไปยังพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดนครพนม ควบคู่ไปกับการดูแลเส้นทางภาคอีสานตอนใต้
โดยโครงการที่รอเสนอ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้แก่ ทางคู่ ระยะที่ 2 สายอีสาน ประกอบด้วย โครงการรถไฟทางคู่ช่วงบ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร วงเงิน 60,000 ล้านบาท รวมถึงเส้นทางอื่นๆ ในอนาคต อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 174 กิโลเมตร และช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กิโลเมตร เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี