nn อสังหาริมทรัพย์...เป็นภาคธุรกิจที่สำคัญอันดับต้นของระบบเศรษฐกิจไทย เพราะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหลายๆ ธุรกิจ...ทั้งภาคการเงิน ภาคก่อสร้าง ภาคการค้า รวมถึงภาคบริการ...ปีไหนถ้าอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้ดีก็จะพาให้หลายภาคธุรกิจเติบโตตามไปด้วยจนส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในปีนั้น
แต่ถ้าปีไหนเกิดวิกฤติกับภาคอสังหาริมทรัพย์หลายธุรกิจก็แย่ตามไปด้วย...ซึ่งว่ากันตามจริงหลายๆภาคส่วนเริ่มมองเห็นเค้าลางของปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์มาสัก 2-3 ปีแล้ว ในประเด็นปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย...
สำหรับปีนี้หลายส่วนไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็ต่างก็มองตรงกันว่า...ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยทั่วประเทศ มีแนวโน้มหดตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน...เพราะต้องเผชิญกับหลายปัจจัยที่เป็นตัวถ่วง....ทั้งเรื่องของ...การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยผ่านการกำหนดระดับ หรือ Loan-to-Value (LTV) ที่เข้มงวดมากขึ้น....อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น....อุปสงค์จากชาวจีนที่อาจชะลอตัวลง....
ผลจากมาตรการ LTV จะส่งผลกระทบหลักๆ 2 ส่วนสำคัญ คือ 1.กำลังซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคลดลง ทั้งผู้บริโภคที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการอยู่จริง และนักลงทุนที่ทำการกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนหรือเพื่อการเก็งกำไร...เพราะจะมีภาระจ่ายเงินดาวน์ที่มากขึ้น....2. กลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนไม่กล้าที่จะซื้อเพราะเกรงว่า เมื่อตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มชะลอลง จะทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในอนาคตมีโอกาสชะลอตัวลง
นอกเหนือจากกรอบการพิจารณาผลกระทบของมาตรการ LTV ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยลบที่กระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ เช่น ต้นทุนดอกเบี้ยที่อาจทยอยเพิ่มขึ้น และมาพร้อมกับมาตรการ LTV ที่เข้มงวดมากขึ้น เพิ่มโอกาสให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มสูงตามไปด้วย เพราะรายได้ของผู้กู้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก สวนทางกับภาระการจ่ายที่เพิ่มขึ้นของดอกเบี้ย...
ความต้องการคอนโดมิเนียมจากชาวจีน ที่อาจชะลอตัวลงหลังจากที่ปีก่อนเติบโตหลายสิบเปอร์เซ็นต์ต่อปี รวมถึงความเสี่ยงที่ชาวจีนจะทิ้งเงินดาวน์อาจมีมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวลดลง รวมทั้งการคุมเข้มที่มีมากขึ้นของทางการจีนเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกมาลงทุนในต่างประเทศ และแนวโน้มค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท
ประมาณกันว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศปี 2019 จะอยู่ที่ 7.6 แสนล้านบาท ปรับลดลงประมาณ 10% เทียบกับปีก่อนหน้า... ขณะที่หน่วยขายได้ (Presale) ของที่อยู่อาศัยที่เปิดขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2019 คาดว่าจะหดตัวประมาณ 14% เทียบกับปีก่อนหน้า ...โดยคอนโดมิเนียมมีโอกาสลดลงมากที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากมาตรการ LTV และกำลังซื้อของต่างชาติที่ลดลง และผู้ประกอบการอาจชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ ทำให้คาดว่าน่าจะหดตัวลงประมาณ 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน
หลังจากนี้ต้องตามดูว่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศจะมีแผนรับมือหรือเรียกความเชื่อมั่นในกับภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างไร...เพราะอย่างที่บอกถ้าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เกิดฟองสบู่แตกขึ้นมาจริงๆ หลายๆ ธุรกิจก็พังไปด้วยเหมือนกัน...ฃ
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี