นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมหรือปตท.สผ.เปิดเผยว่าบริษัทพีทีทีอีพี เอชเค ออฟชอร์ (PTTEP HK Offshore Limited) หรือพีทีทีอีพี เอชเคโอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดในบริษัทย่อยของเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ได้แก่บริษัท เมอร์ฟี่ ซาบาห์ ออยล์ และบริษัท เมอร์ฟี่ ซาราวัก ออยล์ โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 2,127 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (สรอ.) หรือประมาณ 67,500 ล้านบาท
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ครอบคลุมแหล่งน้ำมันและแหล่งก๊าซธรรมชาติ 5 โครงการ ได้แก่ โครงการซาบาห์ เค, โครงการเอสเค 309 และเอสเค 311, โครงการซาบาห์ เอช, โครงการเอสเค 314 เอ และโครงการเอสเค 405 บี รวมทั้ง สินทรัพย์ต่างๆ ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้ใช้เงินจากกระแสเงินสดของบริษัท ในการเข้าซื้อกิจการ คาดว่าการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2 ของปี 2562
“การลงทุนครั้งนี้คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายปิโตรเลียมตามสัดส่วนการลงทุนของ ปตท.สผ. ได้ทันทีประมาณ 48,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปริมาณการขายในปัจจุบัน และยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ทันทีด้วยเช่นกัน” นายพงศธร กล่าว
นอกจากนี้ปตท.สผ.โดยพีทีทีอีพี เอชเคโอ ได้ร่วมกับบริษัท ปิโตรนาส ชาริกาลี ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับบริษัท ปิโตรเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด หรือ ปิโตรนาส เพื่อรับสิทธิในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจพีเอ็ม 407 และพีเอ็ม 415 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนอกชายฝั่งเพนนินซูลาร์ มาเลเซีย จากการชนะการเปิดประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในปี 2561 ของประเทศมาเลเซีย
ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิตดังกล่าว พีทีทีอีพี เอชเคโอ จะเป็นผู้ดำเนินการในทั้งสองแปลง โดยมีสัดส่วนการลงทุน 55% ในแปลงพีเอ็ม 407 และ 70% ในแปลงพีเอ็ม 415 ขณะที่ ปิโตรนาส ชาริกาลี ถือสัดส่วนการลงทุนที่เหลือในทั้งสองแปลง ทั้งนี้ บริษัทวางแผนดำเนินการสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 407 และเจาะหลุมสำรวจ 2 หลุมในแปลงพีเอ็ม 415
จากการเข้าซื้อกิจการเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น และการชนะการประมูลในมาเลเซียอีก 2 แปลง รวมทั้ง แปลงสำรวจต่างๆ ที่ ปตท.สผ. เป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้วนั้น ส่งผลให้ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในฐานการลงทุนใหญ่ของ ปตท.สผ. นอกเหนือไปจากการลงทุนในประเทศไทยและเมียนมารวมทั้งส่งผลให้ ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศมาเลเซีย ในด้านของการถือครองปริมาณทรัพยากรปิโตรเลียม ซึ่งครอบคลุมการสำรวจและการผลิต น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในบริเวณที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงทั้งใน บริเวณนอกชายฝั่ง
เพนนินซูลาร์ มาเลเซีย และนอกชายฝั่งรัฐซาราวักและรัฐซาบาห์
“ปตท.สผ. มุ่งเน้นการขยายการลงทุนในพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งจะร่วมมือกับปิโตรนาสและพร้อมที่จะใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
ที่มีในอ่าวไทย รวมถึง ประสานประโยชน์ในกิจกรรมการสำรวจและผลิตในโครงการต่างๆ ของ ปตท.สผ. ในมาเลเซียร่วมกัน เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับทั้งสองประเทศ” นายพงศธร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี