26 มี.ค.62 นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กสทช.ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการจาก บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT หลังจาก กสทช.ทำหนังสือสอบถามไปยัง TOT เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 เรื่องการแจ้งพิจารณาบอกเลิกสัญญาโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในพื้นที่ชายขอบหมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ จำนวน 3,920 หมู่บ้าน หรือโครงการเน็ตชายขอบ กรณีถูกปรับเกิน 10% ของมูลค่าสัญญา หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท จากการส่งมอบงานล่าช้า และ TOT ได้เซ็นต์รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา
“เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 TOT ได้เข้าพบนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.เพื่อขอความชัดเจนกรณีทำหนังสือแจ้งพิจารณาบอกเลิกสัญญญาโครงการเน็ตชายขอบ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 โดยขณะนี้รอ TOT ส่งหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการกลับมาภายใน 15 วัน นับจากวันที่เซ็นต์รับหนังสือเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2562 หรือภายในวันที่ 29 มี.ค.2562 ว่าต้องการทำโครงการต่อหรือไม่ ส่วนเรื่องค่าปรับเป็นการหักออกจากเงินที่ กสทช.ต้องจ่ายให้ตามสัญญา ซึ่ง TOT ต้องพิสูจน์ว่าติดปัญหาอะไร เพื่อนำข้อมูลมาสรุปค่าปรับที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง” นายก่อกิจ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า TOT ชนะการประมูลประกวดราคาโครงการเน็ตชายขอบ 3 สัญญา วงเงินรวม 6,486.39 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ได้แก่ 1.โครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ภาคเหนือ มูลค่า 2,103.80 ล้านบาท 2.โครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่า 2,492.59 ล้านบาท และ 3.โครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Service) มูลค่า 1,899.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ประชุม กสทช.เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติสนับสนุนโครงการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมของระบบโทรเวชกรรมสำหรับผู้ต้องราชทัณฑ์ ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม วงเงินงบประมาณ 18,820,850 บาท ระยะเวลาดำเนินโครงการ 24 เดือน ตามที่โดยมีเงื่อนไขให้กรมราชทัณฑ์ ต้องบริหารงบประมาณที่ได้รับภายใต้กฎหมาย ระเบียบที่ทางราชกรกำหนด และกรณีมีการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และหากมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ากรอบวงเงินที่กำหนด ให้นำคืนส่งกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ตามการพิจารณาของที่ประชุมบอร์ดกองทุน กทปส.
สำหรับโครงการนี้จะเป็นการรักษาทางไกลผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือที่เรียกกันว่า Tele Health เป็นการดำเนินการนำร่องก่อนในเรือนจำ 2 แห่ง ได้แก่ เรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี และเรือนจำจังหวัดเชียงราย โดยทั้งสองเรือนจำเป็นเรือนจำที่มีจำนวนผู้ต้องขังจำนวนมาก โดยเรือนจำเขาบิน จะให้การรักษาผู้ต้องขังโดยเชื่อมโยงการรักษากับโรงพยาบาลจังหวัดราชบุรี ส่วนเรือนจำจังหวัดเชียงรายจะเชื่อมโยงการรักษากับโรงพยาบาลจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะทำให้เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในเรือนจำโดยได้รับการบริการที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพเท่าเทียมกับบุคคลภายนอก สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม
หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาและการประยุกต์ใช้งานบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชนบท (Tele-health) โดยในระยะเริ่มต้นมี 8 จังหวัดนำร่องที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ เชียงราย เพชรบูรณ์กำแพงเพชร กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี และสงขลา ครอบคลุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 15 แห่ง คลินิกหมอครอบครัว (รพ.สต ขนาดใหญ่) จำนวน 4 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) จำนวน 5 แห่ง และโรงพยาบาลประจำจังหวัด จำนวน 8 แห่ง รวมถึงศูนย์เฉพาะทางโรคตา ศูนย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง และในอนาคตจะขยายไปสู่พื้นที่ชนบทอื่นทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุม กสทช.ในครั้งนี้ไม่ได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับคลื่นความถี่ 2600 MHz เนื่องจากขณะนี้ กสทช.ยังรอหนังสือตอบกลับจาก บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT อยู่ ซึ่ง MCOT ก็ต้องมีหนังสือตอบรับ หรือหนังสือคัดค้านเกี่ยวกับจำนวนคลื่นความที่เรียกคืน เข้ามาไม่เกิน 90 วัน หลังจากได้รับหนังสือแจ้งจาก กสทช.จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุม กสทช.เพื่อพิจารณาต่อไป
“แม้จะมีการเลือกตั้ง และการการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แล้วเสร็จ ยืนยันว่า กสทช.ไม่หยุดดำเนินการเรื่องประมูล พร้อมเดินหน้าทุกอย่างเหมือนเดิม โดยเชื่อว่าขั้นตอนจะเร็วขึ้นด้วยซ้ำ เช่น คลื่น 2600 MHz ที่จะมีการเรียกคลื่นจาก MCOT ตอนนี้รอ MCOT ตอบกลับมา เพื่อนำเข้าที่ประชุม กสทช.พิจารณาต่อไป” นายก่อกิจ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี