ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2562 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) จัดนิทรศการ และสัมมนา“5G ปลุกไทยที่ 1 อาเซียน”ขณะที่ เอไอเอส นำรถยนต์ไร้คนขับคันแรกของไทยที่เชื่อมต่อบนเครือข่าย Live Network 5G ที่เกิดจากการศึกษาและทดลองมาแสดงด้วย
นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า อุปสรรคที่สำคัญต่อการให้บริการ 5G ในไทยคือราคาคลื่นความถี่ที่มีราคาสูง เรื่องแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ (Spectrum Roadmap) รวมถึงแผนการปรับปรุงการใช้งานคลื่นความถี่ (Spectrum refarming) ซึ่งทั้งหมดจะต้องมีความชัดเจนว่า แต่ละคลื่นจะสามารถนำมาใช้งานได้เมื่อไหร่ เพราะการเข้าสู่ 5G อุตสาหกรรมต้องใช้คลื่นจำนวนมากทั้งย่านคลื่นความถี่ต่ำ-กลาง-สูง ไม่ใช่แค่ย่านใดย่านหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ดีแทค ยังคงเดินหน้าสนับสนุนความร่วมมือต่างๆ กับทางสำนักงาน กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้เปิดสนามทดสอบ 5G ทั้งพื้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา เพื่อทดสอบการใช้งานจริง (Use case) และต่อยอดสู่การนำมาใช้ให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป
นายเฉาบิน หยาง ประธานบริหาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์เครือข่าย 5G บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า ระบบ 5G ให้สามารถเข้าถึงประชากรทั่วโลก ภายใน 3 ปี หรือประมาณปี 2564 ซึ่งเวอร์ชั่นแรกของการพัฒนาระบบ 5G ทางบริษัทได้มีการทดสอบเสร็จแล้ว และในช่วงปลายปี 2562 คาดว่าจะมีอีกหลายประเทศที่จะนำระบบ 5G ไปพัฒนาในประเทศของตน ซึ่งคาดว่าจะมีเครือข่ายมากกว่า 65 ประเทศ หรือประมาณ 65,000 โครงข่าย ซึ่งเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับประเทศไทย ที่จะต้องมีการพัฒนาระบบ 5G เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัทจะพัฒนาสมาร์ทโฟนสำหรับเชื่อมต่อกับระบบ 5G โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาระบบประมาณ 1 ปี
ส่วนที่บริษัท วีซ่า นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ วีซ่า จัดทำผลจากการสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปี 2561 ของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Survey 2018) พบว่า ภาพรวมพฤติกรรมผู้บริโภค 4 ใน 5 หรือ ราว (78%)มีการใช้เงินผ่านช่องทางดิจิทัลเพียงอย่างเดียวในชีวิตประจำวัน ซึ่งสูงขึ้นกว่าปี 2560 ประมาณ 50% โดยผลสำรวจฉบับนี้ศึกษาถึงทัศนคติ และพฤติกรรมการชำระเงินระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทรนด์สำคัญของผู้บริโภคจากผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 4,000 คน จาก 8 ประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 500 คน จากประเทศไทย โดย 57% ผู้บริโภคชาวไทยนั้นนิยมทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางดิจิท้ล อาทิ บัตรเดบิต/เครดิต แอพพลิเคชั่นการชำระเงินบนสมาร์ทโฟน และคิวอาร์โค้ด เทียบกับเพียง 43% ที่ยังนิยมใช้เงินสด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี