nn สถานการณ์หลายจังหวัดในภาคเหนือ ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ภาพความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และควันไฟจากไฟไหม้ป่าที่ยังโหมกระหน่ำต่อเนื่อง...และปัญหาหมอกควันในภาคเหนือครั้งนี้ ต้องยอมรับว่ามีความรุนแรงกว่าทุกๆ ปี จากรายงานตัวเลขพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ในช่วงเดือนตุลาคม 2561- มีนาคม 2562 ก็ยังเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันเท่าตัวเป็น 50,000 ไร่ แถมสาเหตุของไฟไหม้ป่ายังซับซ้อน ด้วยความต้องการประโยชน์จากป่าที่หลากหลาย แม้จะมีการควบคุมที่เข้มงวดอย่างไรก็ไม่สามารถจับได้ไล่ทันมาลงโทษได้ครบถ้วน
ว่ากันตามจริงสถานการณ์ภัยหมอกควันในภาคเหนือเป็นวงจรมีเกิดขึ้นซ้ำซาก เริ่มตั้งแต่ปลายฤดูหนาวลากยาวไปจนถึงปลายเดือนเมษายน ด้วยสภาพภูมิประเทศของภาคเหนือเป็นแอ่งกระทะทำให้อากาศไม่หมุนเวียน ประกอบกับเป็นเวลาที่ตรงกับช่วงที่ชาวบ้านเตรียมปรับพื้นที่สำหรับทำเกษตรรอบใหม่ ดังนั้น วิกฤติหมอกควันครั้งนี้ ชาวบ้านที่มีอาชีพปลูกข้าวโพด และโรงงานอาหารสัตว์จึงกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก” ของสังคม ด้วยยังมีกลุ่ม NGO บางกลุ่ม และนักเลงคีย์บอร์ดสังคมโซเชียลที่ยังจำภาพเดิมในอดีต จึงทำให้หลายคนพยายามเชื่อมโยงสาเหตุไฟไหม้ป่าครั้งนี้ไปถึงเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และโรงงานอาหารสัตว์ เป็นตัวการหลักของปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ด้วยชอบการหาคนผิดที่มีตัวตน แต่ลืมดูเหตุจูงใจอื่นๆ ที่เป็นตัวการไฟไหม้ป่าต้นเหตุของหมอกควัน เช่น เผาป่าหาของป่า เห็ดเผาะ หรือล่าสัตว์ หรือคราวนี้ที่จับได้คาหนังคาเขาก็วางเพลิงกันแบบไม่ยอมบอกสาเหตุ ดิสเครดิตทางการเมือง
การโจมตีชาวบ้านที่ทำมาหากินอย่างสุจริต จนลืมไปว่า สถานการณ์การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ผู้ประกอบการรายใหญ่ประกาศชัดไม่รับซื้อข้าวโพดจากป่า มีระบบตรวจสอบที่ช่วยป้องกันการสวมข้าวโพดผิดกฎหมาย และช่วยกันส่งเสริมให้ชาวบ้านมีทางเลือกในการทำอาชีพใหม่ๆ ตลอดจนเข้าไปส่งเสริมให้ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกบนพื้นที่ที่ถูกต้อง การประกาศไม่รับซื้อข้าวโพดจากภูเขาหรือจากการบุกรุกพื้นที่ป่า ภาครัฐยังเดินหน้าจริงจังส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดโดยไม่เผาซัง หรือการหาอาชีพทดแทน ดังนั้น ข้าวโพดบนภูเขาเริ่มถูกกีดกันออกไป และทยอยลดลง แต่กลับลืมว่า ช่วงนี้ไม่เพียงการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกเท่านั้น ยังมีคนลักลอบจุดไฟเผาป่าที่หาของป่าและล่าสัตว์ ด้วยสินค้าจากป่าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีราคาสูงจูงใจให้หลายคนลงมือทำเพื่อแลกกับประโยชน์ของตน...
นอกจากความร่วมมือช่วยกันดับไฟป่าหรือขจัดต้นเหตุของปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองในภาคเหนือ...การที่พ่อค้าแม่ค้าใน ตลาดจริงใจ เชียงใหม่ประกาศไม่จำหน่ายเห็ดเผาะ หรือ ถอบ ของป่าที่มีค่าและชื่นชอบของผู้คน นับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และเป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆ ทำตาม
ที่สำคัญนอกจากคนในชุมชนร่วมมือกันแล้ว ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่มีสมาชิกเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ของไทยกว่า 20 องค์กรต่างให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น ประกาศไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่บุกรุกป่ามานานแล้ว เพราะไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาการบุกรุกป่าแล้ว เวทีการค้าโลกทุกวันนี้ ต่างจับตามองการผลิตอาหารของประเทศไทย ที่ต้องไม่เพียงผลิตอาหารเก่งเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่อยู่ในอาหารตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่พืชที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์จะต้องถูกต้องด้วย การโจมตีกันแบบไม่มีหลักฐานไม่ได้ช่วยให้เกิดผลดีกับทุกฝ่าย แถมยังบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของประเทศที่มุ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ยั่งยืนของโลก
การร่วมไม้ร่วมมือช่วยกันในการแก้ปัญหาโดยที่ทุกคนต่างได้ประโยชน์ โดยเฉพาะประชาชนภาคเหนือรวมถึงเกษตรกร เพื่อช่วยให้เมืองเหนือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีวิวสวย อากาศดี อยู่ในใจของคนไทยและทั่วประเทศ ดีกว่าใช้สถานการณ์แบบนี้ มุ่งหาตัวผิด นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาแล้ว ยังจะสร้างความแตกแยก และซ้ำเติมให้ชาวบ้านที่ต้องทำมาหากินถูกต้อง ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี