คณะทำงานประเมินมูลค่าคลื่น700MHzไร้คนนอก-นักวิชาการ "กสทช."อ้างผ่านงานประมูลหลายครั้งใช้ผลการศึกษาคลื่น900MHzเทียบเคียง วงในชี้700MHzไม่คลีนแบนด์ เหตุถูกรบกวน2ทางทั้งทีวีดิจิทัล-ไมโครโฟนไร้สายใช้งานอยู่กว่า3แสนตัว ด้านเอกชนปลื้มหากกสทช.ประมูลใบละ2.5-2.7หมื่นล้านบาท ระบุราคาใบอนุญาตคลื่นต่ำถูกกว่าคลื่นสูง
22 เม.ย.62 แหล่งข่าวจากวงในโทรคมนาคมรายหนึ่ง กล่าวว่า หลังจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตรา 44 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม แต่งตั้งคณะทำงานประเมิน ซึ่งตามคำสั่งในกิจการโทรคมนาคม โดยให้ผู้รับใบอนุญาตโทรคมนาคม (ไลเซ่นส์) คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ( MHz) ให้ใช้สิทธิ์ในการแบ่งชำระค่างวด โดยขยายเวลาการชำระค่างวดออกไปจากปี 2563 ที่ต้องจ่ายงวดสุดท้าย ออกไป 10 งวด นับตั้งแต่วันที่เริ่มชำระไลเซ่นส์ นับการชำระค่างวดตั้งแต่ปี 2559 ไปจนถึงการขยายระยะเวลาเป็นปี 2569 และประกาศฯ ดังกล่าวมีเงื่อนไขโอเปอร์เรเตอร์ที่จะใช้สิทธิ์ดังกล่าวจะต้องเข้าร่วมประมูลคลื่น 700 MHz และให้โอเปอร์เรเตอร์แจ้งขอใช้สิทธิ์ดังกล่าวภายในวันที่ 10 พ.ค.2562
อย่างไรก็ตาม สำนักงาน กสทช.ได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาการประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz ตั้งแต่ปี 2561 โดยใช้คณะทำงานชุดเก่าที่มีนายภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช.เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งมีบุคคลากรภายในกสทช.อยู่ในคณะประเมินฯ ด้วย และสำนักงาน กสทช.ไม่ได้มีบุคคลภายนอกเข้าร่วมในคณะดังกล่าว เนื่องจากสำนักงาน กสทช.เห็นว่า ได้จัดประมูลคลื่นความถี่มาหลายครั้งแล้ว จึงไม่จำเป็นที่ต้องจ้างบุคคลภายนอกมาศึกษา โดยคณะทำงานฯ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาและให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อผลการศึกษาการประเมินมูลค่าคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz เสนอแนะมูลค่าคลื่นความถี่ที่จะใช้เป็นราคาขั้นต่ำในการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่เหมาะสมกับสภาพตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประเทศไทย และดำเนินการอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ กสทช.
"คณะทำงานฯ มองเหมือนกันว่าการประเมินมูลค่าคลื่นอยู่ในวิสัยที่จะทำเองได้ จึงไม่จำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการ ในการอ้างอิงแหล่งที่มาซึ่งราคาประเมิน และราคาเริ่มต้นการประมูลที่แท้จริง ซึ่งสำนักงาน กสทช.ใช้ผลการศึกษาเก่าจากคลื่น 900 MHz เทียบเคียงเอา แต่ก็จะถูกมองว่าหาก กสทช.ดำเนินการเอง และถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความไม่เป็นกลางของราคาประเมินเนื่องจาก กสทช.เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง" แหล่งข่าวกล่าว
ขณะเดียวกันในมุมมองของนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่างมองว่า คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz ที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ได้ระบุว่าจะขายใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) 700 MHz ในราคา 25,000 - 27,000 ล้านบาทต่อ 1 ใบอนุญาต ใบละ 15 MHz นั้น นักลงทุนมองเป็นผลดีต่อการประมูล เนื่องจากราคาต่อใบอนุญาตสำหรับคลื่นความถี่ย่านต่ำ มีราคาต่ำกว่าราคาคลื่น 900 MHz ทั้งที่ในความจริงแล้ว คลื่นความถี่ต่ำจะต้องมีราคาที่สูงกว่าคลื่นความถี่สูง
"คนที่จ่าย 900 MHz ไปแล้วในราคาที่แพงกว่า 700 MHz และได้เพียง 5 MHz ซึ่งเอาไปทำอะไรได้น้อยมากจะเห็นถึงความไม่เหมาะสมกับการประมูลครั้งนี้ แต่เอกชนจะได้ประโยชน์มาก เพราะ กสทช.ประมูลคลื่นต่ำที่มีราคาไม่แพงและน่าสนใจกว่า แต่ก็ยังมีการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิคที่บอกว่าคลื่น 700 MHz เป็นคลื่นไม่คลีนแบนด์ เพราะเป็นคลื่นที่มีการรบกวนหลายทาง คนที่ประมูลที่ชนะการประมูลจะเลือกเอาคลื่นช่วงต้นๆ แต่คนที่ได้ช่วงคลื่นหลังๆ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งการใช้งานของไมโครโฟนไร้สายมีกำลังส่ง 50 มิลลิวัตต์" แหล่งข่าวกล่าวกล่าว
ทั้งนี้ คลื่นย่าน 700 MHz มี 2 ปัจจัยในการถูกรบกวน คือ 1.เนื่องจากเป็นคลื่นที่มาจากทีวีดิจิทัล ก็จะทำให้มีการรบกวนจากช่องทีวีดิจิทัล 2.การรบกวนจากไมโครโฟนไร้สาย เนื่องจากในช่วงคลื่นย่านความถี่ 794 - 864 MHz ที่จะส่งผลการรบกวนจากการใช้ไมโครโฟนไร้สาย ที่ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 3 แสนตัว ที่ขึ้นทะเบียนกับ กสทช.และใช้งานอยู่ ซึ่ง กสทช.มีแผนที่จะนำการใช้งานไมโครโฟนไร้สายออก โดยจะมีกำหนดใช้งานไมโครโฟนไร้สายได้ไปจนถึง 31 มี.ค.2566 ซึ่งการประมูลจะสามารถใช้คลื่นได้ในปี 2563 และยังมีการรบกวนของอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี