22 เม.ย.62 ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนในคดีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง กรณีอนุมัติให้มีการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร รถโดยสารประจำทางสาธารณะทั้งใหม่และเก่า ในหลายๆ หมวด ในอัตราตั้งแต่ 1 - 7 บาท เพื่อไต่สวนคำขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อระงับคำสั่งขึ้นค่ารถเมล์ทั้งระบบโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการสร้างภาระให้เกิดขึ้นกับประชาชนเกินสมควร ตามมาตรา 9(1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 โดยศาลปกครองกลางได้ทำการไต่สวนประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
จากนั้น นายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวน ว่า วันนี้องค์คณะตุลาการได้ให้คู่กรณีแต่ละฝ่ายต่างชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่อศาล และเมื่อไต่สวนเสร็จศาลปกครองกลาง จะมีคำสั่งเรียกองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) เข้ามาเป็นผู้ถูกฟ้องในคดีนี้ด้วย และให้ผู้ประกอบการเอกชนสามารถยื่นคำร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้ หลังจากนั้นศาลกำหนดว่าจะมีคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีหรือไม่ ในวันพุธที่ 24 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นว่าศาลปกครองจะเห็นใจคนยากคนจนในเรื่องดังกล่าว เพราะเชื่อว่าผู้ประกอบการสามารถที่จะจัดสรรเรื่องการลดต้นทุนการเดินรถได้อยู่แล้ว แต่หากขึ้นค่าโดยสารแม้เพียง 1 บาท แต่คนยากคนจนจะต้องใช้บริการรถประจำทางทุกวันก็ถือเป็นเงินจำนวนมาก และที่สำคัญคือต้นทุนค่าพลังงานในเรื่องราคาน้ำมันดีเซลกับราคาก๊าซ LNG ที่ยังไม่มีการผกผันในทิศทางที่สูงขึ้นจนเป็นต้นเหตุให้ต้องขึ้นค่าโดยสารแต่อย่างใด แต่ต้นทุนส่วนใหญ่เป็นเรื่องของค่าเงินเดือนและสวัสดิการของพนักงานลูกจ้างเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น การจะผลักภาระมาให้คนยากคนจนจึงไม่เป็นธรรม ถือได้ว่าเป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนมากเกินสมควร
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีสั่งให้เรียกคืนสัมปทานการเดินรถของเอกชนที่หมดอายุทั้งหมดมาดำเนินการเอง โดยเฉพาะรถร่วม ขสมก.เพื่อที่จะได้นำไปสู่การปฏิรูประบบขนส่งสาธารณะทั้งระบบได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็วได้
ด้าน นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง กล่าวว่า ทางสมาคมฯผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางขอขึ้นค่าโดยสารเพื่อให้สามารถปฏิรูปการเดินรถประจำทางได้ หากได้ขึ้นราคาค่าโดยสารตามอัตรารถใหม่ ทางสมาคมฯก็พร้อมที่จะนำรถใหม่กลับมาให้บริการในระบบภายใน 1 - 2 เดือน แต่หากยิ่งชะลอการขึ้นค่าโดยสารก็จะยิ่งมีรถร่วมให้บริการน้อยลงไปอีก โดยปัจจุบันมีข้อมูลผู้ประกอบการเลิกให้บริการเดินรถแล้ว 500 - 2,000 คัน ทำให้เหลือรถให้บริการในระบบเพียง 1,000 คันเท่านั้น เพราะไม่มีเม็ดเงินมาประกอบการต่อ ดังนั้นหากยังชะลอการขึ้นค่าโดยสารต่อไปอีก ผู้ประกอบการก็คงล้มหายตายจากไปจากระบบไปเรื่อยๆ
ขณะที่ นายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานสหพันธ์รถเมล์ กทม.และปริมณฑล และประธานชมรมรถร่วม ขสมก.กล่าวว่า การจะให้ผู้ประกอบการนำรถใหม่เข้าในระบบได้จะต้องมีการปรับค่าโดยสาร ซึ่งตนมองว่าการปรับราคารถเมล์ขึ้น 1 บาท จากเดิม 9 บาท ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการมากนัก เพราะปัจจุบันต้นทุนการเดินรถของ ขสมก.และรถร่วม ขสมก.สูงขึ้น แม้ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก.บางส่วนจะเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ LNG เป็นเชื้อเพลิงแล้ว แต่ก็ยังคงมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี