นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือนมีนาคม 2562 พบว่า มีจำนวน 198,821 คัน สูงสุดในรอบ 68 เดือน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.83% ตามความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้นเห็นได้จากยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 103,164 คัน เพิ่มขึ้น 8.5%
ทั้งนี้ เนื่องจากมียอดจองรถยนต์ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 กว่า 37,000 คัน มีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรผ่านโครงการต่างๆ ของรัฐบาล รวมทั้งการท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังคงเติบโต ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ 3 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2562) อยู่ที่ 263,549 คัน เพิ่มขึ้น 11.2%
ส่วนการส่งออกรถยนต์ยังเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.09% อยู่ที่ 117,708 คัน สูงสุดในรอบ 18 เดือน โดยเฉพาะการส่งออกในตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดยุโรป คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 59,785.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.46% คิดเป็นยอดส่งออกรถยนต์ 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 299,841 คัน เพิ่มขึ้น 1.56% และมีมูลค่าส่งออก 149,655.46 ล้านบาท ลดลง 2.32% โดยแนวโน้มยอดผลิตรถยนต์มีสัญญาณที่ดี เชื่อว่าปีนี้ทั้งปีจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ 2.15 ล้านคันตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจะเห็นยอดผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.62% อยู่ที่ 238,650 คัน ซึ่งนับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรก แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป 183,424 คัน เพิ่มขึ้น 3.02% และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ 55,226 คัน เพิ่มขึ้น 1.33% สอดคล้องกับยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 1.9% อยู่ที่ 167,777 คัน รวมทั้งยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 18.6% อยู่ที่ 98,916 คัน คิดเป็นมูลค่าส่งออก 7,504.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.75%
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สอท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคม 2562 ว่า อยู่ที่ระดับ 96.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 95.6 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ทำให้ยอดขายและยอดคำสั่งซื้อในกลุ่มสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น ยานยนต์ ก่อสร้าง สิ่งพิมพ์ และอาหาร
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการเมืองภายในประเทศหลังการเลือกตั้ง จึงต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการค้าและการลงทุน เพราะยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจนสร้างความกังวลต่อภาคธุรกิจ ซึ่งหากยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อจะยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนใหม่ๆ อาจจะชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)
นายสุพันธุ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกประเทศมากระทบทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 104.2 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 105.4
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี