นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงประมาณการเศรษฐกิจไทย
ในปี 2562 ว่าจะขยายตัว 3.8% (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.3-4.3%) ชะลอลงจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.1% จากปัจจัยอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัวลงเป็นสำคัญ สอดคล้องกับเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอตัวลง และผลกระทบจากนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรวมถึงการตอบโต้จากประเทศต่างๆ ส่งผลให้การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม การส่งออกบริการมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายระยะเวลามาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) ขณะที่แรงส่งจากโครงการลงทุนของภาครัฐยังคงจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุนภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2562 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ในปีนี้ยังคาดว่าโครงการร่วมลงทุนของภาครัฐและเอกชน (PPP) ในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานยังจะช่วยสนับสนุนให้การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าปีก่อนหน้าอีกด้วย สำหรับการบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นตามการจ้างที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจของไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในส่วนของเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2562 จะอยู่ที่ 1.4% (โดยมีช่วงประมาณการที่ 0.9-1.9%) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามแนวโน้มต้นทุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งจากการที่สหรัฐฯ ยกเลิกการผ่อนผันมาตรการลงโทษต่อประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 37.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 6.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 6.3-7.3% ของ GDP)
“ทิศทางเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้ไปจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ ผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งความผันผวนของตลาดการเงินโลกและอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ภาครัฐจะมีบทบาทในการพยุงเศรษฐกิจในระยะต่อไปผ่านการใช้จ่ายภายในประเทศ” นายลวรณกล่าว
กระทรวงการคลังได้เตรียมเสนอแพ็กเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงกลางปีให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 30 เมษายนนี้ โดยมีวงเงินรวมประมาณราวหมื่นกว่าล้านบาท คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มได้ประมาณ 0.1% ทั้งนี้ยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการพยุงเศรษฐกิจ หลังจากที่พบว่าเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัวลง แต่ยังไม่ได้เกิดปัญหา จึงไม่ได้จำเป็นต้องใช้ยาแรงในขณะนี้
“สศค.ได้เสนอแพ็กเกจเศรษฐกิจให้รัฐบาลพิจารณา อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะเลือกมาตรการไหนออกมา หลังจากเราเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ยืนยันว่ามาตรการที่เสนอไปครอบคลุมรอบด้าน” นายลวรณ กล่าว
สำหรับภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2562 และไตรมาสที่ 1 ปี 2562 มีสัญญาณแผ่วตัวลง จากอุปสงค์ภายนอกเป็นสำคัญ เนื่องจากการหดตัวของการส่งออกสินค้าตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนจากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอตัวขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี