แห่คืนใบอนุญาตกสทช.
7ช่องทีวีดิจิทัล
รัฐควักชดเชย3.9พันล.
คนข่าวตกงานนับพัน
จี้ผู้ประกอบการเยียวยา
กสทช.สรุปทีวีดิจิทัลแห่คืนใบอนุญาต 7 ช่อง ย้ำผู้ประกอบการดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบกว่าพันคนให้ดีที่สุด จี้ออกมาตรการเลิกจ้างให้มากกว่ากฎหมายแรงงานกำหนด เพราะได้เงินเยียวยาจากการคืนช่องไปรายละไม่น้อย เผยยอดรัฐจ่ายชดเชยเยียวยารวม7 ช่องกว่า 3.9พันล้าน
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่กำหนดให้ผู้ประกอบการช่องทีวีดิจิทัลที่ประสงค์ขอคืบใบอนุญาตให้บริการต้องส่งหนังสือแจ้งความจำนงกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ตามเงื่อนไขที่ระบุในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 4/2562 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
เวลา 14.50น.นายฐากร ตัณฑสทธิ์ เลขาธิการกสทช.กล่าวว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล7รายเข้ามายื่นความจำนงคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อยแล้วประกอบด้วย 1.ไบรท์ทีวี (ช่อง20) 2.บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด คืนช่อง วอยซ์ทีวี ช่อง 21 3. บมจ.อสมท จำกัด (มหาชน) คืนช่อง 14 MCOT family 4.บริษัท นิวส์เน็ตเวิร์ค คืนช่อง สปริงนิวส์ ช่อง 19 5.บริษัท สปริงส์ 26 คืนช่อง สปริง 26 ช่อง 26 (เดิมบริษัท บางกอกบิสซิเนสบรอดเคสติ้ง) 6.บริษัทบีอีซีเวิล์ด์จำกัด (มหาชน) คืนช่อง 3 แฟมิลี่ ช่อง 13และ7.ช่อง 3SD ช่อง 28ทั้งผลการคืนใบอนุญาต ส่งผลให้มีช่องทีวีที่ประกอบธุรกิจ 15 ช่อง
นายฐากรกล่าวว่าสิ่งที่ กสทช.ฝากถึงผู้ประกอบการคือ การดูแลพนักงานที่ถูกเลิกจ้างให้ดี โดยเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและเป็นห่วงมาก พร้อมย้ำกับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลด้วยว่า ให้กำหนดมาตรการชดเชยการเลิกจ้างพนักงานให้มากกว่าที่กฎหมายแรงงานกำหนด เพราะภาครัฐให้เงินเยียวยาจากการคืนช่องไปแต่ละรายจำนวนไม่น้อย
“เมื่อได้เงินจากรัฐไปช่วยแล้ว ก็ควรต้องจ่ายชดเชยให้พนักงาน เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบมากในระหว่างที่ต้องหางาน คาดว่าอาจมีพนักงานได้รับผลกระทบมากกว่าพันคน”นายฐากรกล่าว และว่า หลังยื่นหนังสือแล้วทุกช่องต้องส่งเอกสารตามประกาศของกสทช. เพื่อเสนอบอร์ดเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการโทรคมนาคมทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค, บริษัททรูมูฟยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ ทรูมูฟ และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส เดินทางมายื่นหนังสือแสดงความจำนงขอใช้สิทธิ์ขยายเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ตซ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งทั้ง 3 ราย ขอพิจารณาเงื่อนไขและหลักเกณฑ์จัดสรรคลื่นที่กสทช.อยู่ระหว่างจัดทำก่อน โดยกสทช.จะทำประชาพิจารณ์วันที่ 12 พฤษภาคม ก่อนออกประกาศราคาใบอนุญาตคลื่น 700 เมกะเฮิร์ตซ วันที่ 14 พฤษภาคม
ทั้งนี้ กสทช.ใช้สูตรคำนวณค่าเยียวยาขอคืนใบอนุญาตช่องทีวีดิจิทัล ตามคำสั่ง คสช.ที่ 4/2562 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมคือ ช่องที่จะขอคืนใบอนุญาตต้องยื่นแจ้งความประสงค์ภายในวันที่ 10 พฤษภาคม ก่อนเวลา 16.30 น. และไม่สามารถเปลี่ยนใจในภายหลังได้ ซึ่งสูตรคำนวณค่าชดเชยให้ผู้ขอคืนใบอนุญาต โดยจะแบ่งการคำนวณเป็น 2 ส่วน คือ นำค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ได้ชำระแล้ว นับถึงถึงงวดที่ 4 ซึ่งครบกำหนดจ่ายปีนี้ คูณด้วยอายุใบอนุญาตในส่วนที่ไม่ได้ใช้งานคลื่นความถี่ และหารด้วยอายุใบอนุญาตทั้งหมดคือ 15 ปี สำหรับช่องที่ยังไม่ได้จ่ายงวดที่ 4 ก็ให้นับรวมไปเลย โดยจะหักกลบลบหนี้ในตอนที่ชำระเงินคืนให้
จากนั้น ให้คำนวณผลประโยชน์ที่ผู้รับใบอนุญาตได้รับระหว่างการประกอบกิจการมาหักลบออก ได้แก่ เงินสนับสนุนค่าเช่าโครงข่าย (MUX) และค่าใช้จ่ายในการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมตามเกณฑ์ Must Carry ตั้งแต่วันที่ได้รับการสนับสนุนจนถึงวันยุติการให้บริการ และผลประกอบการของผู้รับใบอนุญาตตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงวันที่ 11 เมษายน เฉพาะที่มีกำไรสุทธิ โดยผู้ประสงค์จะขอคืนใบอนุญาตต้องนำส่งผลประกอบการภายใน 60 วัน นับแต่ยื่นหนังสือแจ้งขอคืนใบอนุญาต
โดยหลังยื่นเอกสารขอคืนช่อง คณะกรรมการกสทช.จะพิจารณากำหนดวันยุติการให้บริการของช่องที่ขอคืนใบอนุญาต จากแผนการเยียวยาประชาชนที่แต่ละช่องเสนอมา ขั้นต่ำ 30 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน เพื่อชี้แจงประชาชนถึงการเตรียมยุติการออกอากาศ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม โดยกสทช.จะนำเงินจากกองทุนกทปส.จ่ายชดเชยให้ไปก่อน โดยไม่ต้องรอเงินจากการจัดสรรคลื่น 700 เมกะเฮิร์ตซ ซึ่งยอดที่รัฐจะต้องจ่ายชดเชยคือ รวม 7 ช่อง 3,924 ล้านบาท
ส่วนท่าทีจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล หลังยื่นเรื่องคืนใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิทัล โดยนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คณะกรรมการ บมจ.อสมทพิจารณาตามที่ฝ่ายบริหารนำเสนอและมีมติเห็นชอบ ให้บมจ.อสมท แจ้งความประสงค์คืนใบอนุญาตฯ ช่อง 14 MCOT Family หมายเลขช่อง 14รายการสำหรับเด็ก เยาวชนและครอบครัว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับบมจ.อสมท และผู้มีส่วนได้เสีย บมจ.อสมท ยังคงจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนส่งเสริม เด็ก เยาวชน สังคมและครอบครัว ตามภารกิจขององค์กรผ่านช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางของ บมจ.
สำหรับช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 บมจ.อสมท จะมุ่งสร้างสรรค์รายการด้วยสาระและความสนุกอย่างชาญฉลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดให้รายการของช่อง 9 MCOT HD กลับมาครองความนิยมจากผู้บริโภคในอับดับ Top 10 อีกครั้ง จากนี้ อสมท จะเปิดกว้างให้พันธมิตรภายนอกเข้ามาทำงานร่วมกับ อสมท มากขึ้น ทั้งการผลิตรายการ ทำระบบ IT และเทคโนโลยี และการเปิดตลาดใหม่
ในส่วน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จํากัด (มหาชน) ผู้บริหารทีวีดิจิทัล ช่อง 3ออกแถลงการณ์ คืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจทัล ต่อกสทช. 2 ช่อง ได้แก่ช่อง 3 แฟมิลี่ และช่อง 3 SD ระบุเพราะการแข่งขันสูง พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนสู่การรับชมผ่านออนไลน์ ฉุดผลประกอบการขาดทุน พร้อมยืนยันจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์งานคุณภาพต่อไป โดยช่อง 3 ยัง มีทีวีดิจิทัล เหลืออีก 1 ช่อง คือ ช่อง 33 HD
เช่นเดียวกับ นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด ออกแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผลคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัลต่อกสทช.ว่า บริษัท วอยซ์ทีวีฯจะยังคงดำเนินงานต่อแต่ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี และพื้นที่นำเสนอ โดยมุ่งเน้นพัฒนาข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ ทั้งในเว็บไซต์ ยูทูป เฟซบุ๊กเพจ ไลน์ อินสตาแกรม และทวิตเตอร์
ทั้งนี้ ตามแผนที่กำหนดไว้ วอยซ์ทีวี 21จะออกอากาศผ่านระบบดิจิทัลจนถึงวันที่ 31กรกฎาคมและระหว่างวันที่ 1-31กรกฎาคม2562จะออกอากาศคู่ขนานผ่านระบบดิจิทัล ดาวเทียมและแพลตฟอร์มออนไลน์หลักคือเฟซบุ๊กและยูทูป วอยซ์ทีวียืนยันจะเป็นสถานีวิเคราะห์ข่าวที่เข้มข้น มีคุณภาพ ถูกต้องรอบด้าน ยืนหยัดหลักประชาธิปไตย และมุ่งเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่ยังนิยมติดตามข่าวสารผ่านจอโทรทัศน์ ซึ่งจะเป็นช่องดาวเทียมหมายเลขใด จะสื่อสารให้ทราบในอนาคตอันใกล้ ส่วนการดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้ วอยซ์ทีวี จะปรับโครงสร้างการทำงานให้เหมาะสมสอดคล้องทิศทางและรูปแบบในอนาคต ให้กระทบกับโครงสร้างเดิมน้อยที่สุด
มีความเห็นจาก นายมานะ ตรียาภิวัฒน์ อดีตคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในเรื่องนี้ว่าผลกระทบด้านบวกคือการมีช่องทีวีเหลือน้อยลง สัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาน่าจะกระจายตัวได้ดีขึ้น ทำให้บางสถานีมีรายได้เพิ่มขึ้นแต่มีข้อเสียทำให้มีพนักงานจากช่องที่คืนต้องตกงานจำนวนมาก ถึงแม้พนักงานจะได้รับเงินชดเชยแต่ กสทช.ไม่ได้กำหนดรายละเอียดในเงื่อนไขการคืนใบอนุญาตว่าต้องกันเงินชดเชยไว้ให้พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งมาตรการช่วยเหลือที่กสทช.ออกมาน่าจะช่วยให้ทีวีดิจิทัลอยู่รอดได้ในระยะเวลาหนึ่งโดยสื่อต้องหาทางอยู่รอดซึ่งต้องเข้าใจรู้เท่าทันเทคโนโลยี ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี