นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงสถิติขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปี2562 (มกราคม-มีนาคม 2562) ว่า มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 387 โครงการเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12%มูลค่าเงินลงทุนรวม 128,903 ล้านบาทโดยอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายจำนวน 199 โครงการ คิดเป็น 51% ของจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งหมด โดยมีมูลค่า 58,803 ล้านบาท คิดเป็น 46% ของมูลค่าการยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งหมด
ประเภทกิจกรรมที่ยื่นขอรับการส่งเสริมมากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ กิจการบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 129 โครงการ คิดเป็น 33% ของจำนวนโครงการทั้งหมด เงินลงทุนรวม 46,888 ล้านบาท กิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 81 โครงการ เงินลงทุนรวม 22,259 ล้านบาท กิจการผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 65 โครงการ เงินลงทุนรวม 15,258 ล้านบาท และกิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตรจำนวน 52 โครงการ เงินลงทุนรวม 7,365 ล้านบาท
ทั้งนี้นักลงทุนรายใหม่ยังคงให้ความสนใจยื่นขอรับการส่งเสริม โดยมีโครงการลงทุนใหม่จำนวน 208 โครงการ คิดเป็น 54% ของจำนวนคำขอรับการส่งเสริมทั้งหมดด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 39,170 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 30% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ขณะที่การยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ มีจำนวน 245 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 84,104 ล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวนโครงการ เพิ่มขึ้น 8% ส่วนมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 253% สำหรับประเทศที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ญี่ปุ่น จำนวน 55 โครงการ เงินลงทุน 26,845 ล้านบาท อันดับ 2 จีน จำนวน 38 โครงการ เงินลงทุน 9,072 ล้านบาท และอันดับ 3 สิงคโปร์ จำนวน 29 โครงการ มูลค่า 5,447 ล้านบาท
หากพิจารณาในด้านโครงการ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็น29% ของโครงการจากต่างชาติทั้งหมด แต่หากพิจารณาในด้านมูลค่าการลงทุน ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดแร่ เซรามิก และโลหะขั้นมูลฐาน คิดเป็น 30% ของมูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด
อนึ่งสำหรับปี 2561 ที่ผ่านมามีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 1,626 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 901,770 ล้านบาท สูงกว่าปี 2560 ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนโดยจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 3% และมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 43% ทั้งนี้ยอดคำขอรับการส่งเสริมในปี 2561 มีมูลค่าสูงกว่าเป้าหมายที่ต้ังไว้ที่มูลค่า 720,000 ล้านบาท หรือ 25%
โดยในปี 2562 บีโอไอประกาศจะเดินหน้ามุ่งเน้นชักจูงส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายต่อไป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ แผนชักจูงการลงทุนของระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2562 ประกอบด้วยการจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนในประเทศเป้าหมายเช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี สหรัฐอเมริกา และกลุ่มยุโรป โดยจะใช้กลยุทธ์เจาะลึกให้รายละเอียดและข้อมูลเป็นรายบริษัท เพื่อสร้างความเข้าใจในนโยบายส่งเสริมการลงทุนแบบเชิงลึกมากขึ้นโดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี