บอร์ดอีอีซีเห็นชอบร่างสัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เตรียมเสนอเข้าที่ประชุม ครม. วันที่ 28 พฤษภาคม ก่อนลงนามในสัญญา 15 มิถุนายนนี้ “คณิศ”เชื่อผ่านฉลุย ขณะที่ ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ระบุ จะลงนามสัญญาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (คณะกรรมการ EEC) เปิดเผยว่าในที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบร่างสัญญาโครงการร่วมลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัดและพันธมิตร และจะมีการเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ก่อนลงนามสัญญาในวันที่ 15 มิถุนายน 2562 ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านการพิจารณาจาก ครม.และยังลดกรอบวงเงินโครงการได้อีกประมาณ 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการประมูลพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภาวงเงินประมาณ 200,000 ล้านบาทนั้นทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการให้เร่งรัดการดำเนินการให้ทันตามกรอบเวลาลงนามสัญญาภายในเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนกรณีที่กลุ่มซีพีได้มีการร้องศาลปกครองขอรับการคุ้มครองกรณีถูกตัดสิทธิ์การยื่นซองข้อเสนอเนื่องจากช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ใน TOR นั้น ทางคณะกรรมการคัดเลือกจะยึดตามเวลาที่กำหนดแม้ขั้นตอนการปิดรับซองจะเสร็จสิ้นที่เวลา 18.00 น. ซึ่งหลังจากนี้จะให้เอกชนทั้ง 3 กลุ่ม รวมถึงกลุ่มซีพีรวบรวมข้อมูลยื่นซองที่ 1 ซองคุณสมบัติ ก่อนนัดวันยื่นซองที่ 2 ซองเทคนิคต่อไปในช่วงสัปดาห์หน้า และในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้จะเปิดให้ยื่นซองราคาที่เป็นซองสุดท้าย โดยระหว่างนี้จะรอคำตอบศาลปกครองว่าตัดสินออกมาอย่างไรและผู้ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองนั้นผิดจริงหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 วงเงิน 84,000 ล้านบาท ที่อาจล่าช้ากว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาของศาลปกครองกรณีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ประกอบด้วยบริษัท นทลิน จำกัด บริษัท พรีมารีน จำกัด (มหาชน) บริษัท แอโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด และ บริษัท ไชน่าเรลเวย์ คอนสตรั๊คชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ยื่นฟ้องให้มีสิทธิร่วมประมูลหลังโดนตัดสิทธิเพราะเอกสารไม่ครบถ้วน ยืนยันว่ากระบวนการจะยังเดินหน้าต่อและเสนอให้พิจารณาได้ในเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมเสนอให้ ครม.พิจารณาเพื่อขอปรับเพิ่มวงเงินลงทุนโครงการอีกครั้ง และโครงการท่าเรือมาบตาพุด วงเงิน 47,900 ล้านบาทนั้น จะต้องมีการดำเนินการเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ (บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด) เรื่องวงเงิน ดอกเบี้ย และผลตอบแทน โดยคาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
นอกจากนี้ ในส่วนโครงการร่วมทุนศูนย์ซ่อมอากาศยาน(MRO) สนามบินอู่ตะเภา วงเงิน 11,600 หมื่นล้านบาทนั้นการบินไทยกำลังเจรจากับแอร์บัสคาดว่าจะสามารถเห็นชอบแนวทางร่วมกันก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (บอร์ด PPP) ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้
ด้าน นายวรวุฒิ มาลา ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กล่าวว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น จะสามารถลงนามสัญญาได้หรือไม่ต้องขึ้นอยู่รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) โดยล่าสุด รฟท.ได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้หมดแล้ว รอที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาเห็นชอบก่อนจึงจะลงนามสัญญาได้ และความพร้อมของการรถไฟฯในการส่งมอบพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งหลังจากนี้จะเชิญกลุ่มซีพีและผู้ดูแลงานก่อสร้างโครงการฯประชุมร่วมกับการรถไฟฯเพื่อกำหนดแผนแม่บท(Master Plan) ในการก่อสร้างและส่งมอบพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่สามารถส่งมอบได้เลยคือ พื้นที่มักกะสัน 100 ไร่ และพื้นที่ศรีราชา ส่วนพื้นที่มักกะสันอีก 50 ไร่ ที่เหลือจะทยอยส่งมอบภายใน 5 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี