นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) เปิดเผยการออกใบอนุญาตประทานบัตร และอาชญาบัตรสำรวจแร่ ปี 2562 ว่า ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา(มกราคม-เมษายน 2562) คณะกรรมการแร่ที่มีนายอภิจิณ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน ได้อนุมัติคำขอประกอบการกิจการเหมืองแร่แล้ว รวม 59 แปลง ประมาณ 5 หมื่นไร่ กระจายทั่วประเทศ คิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจที่ประเทศจะได้รับไม่ต่ำกว่า 1.28 แสนล้านบาท รัฐจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาทต่อปี
สำหรับในเดือนพฤษภาคมนี้คาดว่ากรรมการแร่จะมีการอนุมัติใบอนุญาตต่างๆ อีกประมาณ 15 แปลง เนื่องจากปี 2561 ไม่มีการอนุมัติประทานบัตรและอาชญาบัตรเลย เพราะพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)แร่ ฉบับใหม่ ประกาศใช้เดือนสิงหาคม 2560 ดังนั้นตลอดปี 2561 จึงต้องดำเนินการในส่วนขององค์ประกอบกฎหมายเป็นหลัก
“เมื่อกฎหมายประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ช่วงนั้นเกิดคำถามจากผู้ประกอบการเหมืองแร่ถึงขั้นตอนขออนุญาตที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะเกณฑ์การรับฟังความเห็นชุมชนที่ต้องทำอย่างรอบด้าน ทำให้เอกชนต้องใช้เวลาดำเนินการส่วนนี้ และเอกชนหลายรายตัดสินใจเข้ากระบวนการขอใหม่แม้จะมีอายุใบอนุญาตเหลือเล็กน้อยแต่กฎหมายใหม่ให้ประกอบการยาวถึง 30 ปี คุ้มค่ากว่า บวกกับมีองค์ประกอบการกฎหมาย ที่ปี 2561 ไม่มีการอนุญาตใดๆ เลย” นายวิษณุกล่าว
สำหรับ 59 แปลง ที่กรรมการแร่อนุมัติ แบ่งเป็น ประทานบัตรใหม่เพื่อประกอบกิจการเหมืองแร่ 45 แปลง ส่วนใหญ่เป็นกิจการเหมืองหินปูน หินก่อสร้าง ประมาณ 1.5 หมื่นไร่ ต่ออายุประทานบัตร 8 แปลง ประมาณ 2.4 พันไร่ โอนประทานบัตรหรือเปลี่ยนสิทธิผู้ครอบครอง 3 แปลง ประมาณ 1 พันไร่ และอาชญาบัตรพิเศษเพื่อการสำรวจแร่ลิเธียม เพื่อใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) 3 แปลง ประมาณ 30,000 ไร่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี