ll มีข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการไทย เมื่อ 22 ธนาคารพาณิชย์ของไทยและต่างประเทศ ร่วมสร้างโครงข่ายหนังสือค้ำประกันแบบอิเล็กทรอนิกส์ 100% โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ผ่านบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด โดยการสนับสนุนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ธนาคารไทยและธนาคารต่างประเทศ 22 แห่ง ร่วมใช้บล็อกเชนบนระบบเดียวกัน
ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ความร่วมมือภายใต้ Thailand Blockchain Community Initiative มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการศึกษาเทคโนโลยี Blockchain และนำมาพัฒนาเป็นบริการที่จับต้องได้จริงในภาคการเงินและภาคธุรกิจ ซึ่งเริ่มต้นจากธนาคารพาณิชย์ 14 ราย ร่วมกับรัฐวิสาหกิจ และธุรกิจขนาดใหญ่ในปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมเพิ่มเติมเป็น 22 ราย และมีการจัดตั้งบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนระบบบล็อกเชนเป็นบริการแรก นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือ และขยายชุมชน Blockchain ของไทยให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง สามารถรองรับบริการที่หลากหลายในอนาคต และช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จากการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน (shared infrastructure) และเทคโนโลยี Blockchain ร่วมกัน
ประโยชน์ที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ไม่เฉพาะต่อภาคการเงินของไทย แต่จะมีประโยชน์โดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนและการให้บริการของภาครัฐด้วย ซึ่งหวังว่าบีซีไอจะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขยายความร่วมมือด้าน Blockchain ในวงกว้างมากขึ้นต่อไป ทั้งในแง่บริการที่หลากหลายและครอบคลุมกลุ่มผู้เกี่ยวข้องที่มากขึ้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีบล็อกเชนได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและมีการนำมาใช้กว้างขวางมากขึ้น ในขณะที่ในประเทศไทยก็เริ่มใช้บล็อกเชนในทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย สามารถลดการจัดการเอกสารที่เป็นกระดาษได้มาก และเพื่อยกระดับความร่วมมือ Thailand Blockchain Community Initiative อย่างเป็นรูปธรรม
เทคโนโลยีและนวัตกรรม นี้คือ การเชื่อมต่อทุกธนาคารที่เข้าร่วมด้วยแพลทฟอร์มเดียวกัน เพื่อพัฒนาและต่อยอดระบบให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและผลักดันเทคโนโลยีให้เข้าถึงทุกกลุ่มธุรกิจ เสริมประสิทธิภาพ ช่วยยกระดับการแข่งขันให้กับธุรกิจและเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นบริการแรกของบริษัทบีซีไอ ที่มุ่งหวังให้ธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สามารถเข้าถึง ใช้งานได้จริง ด้วยต้นทุนที่รับได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการจัดการเอกสารและการดูแลข้อมูล ตลอดจนลดขั้นตอนในการทำงาน ภายใต้ความปลอดภัย โดยเป็นการรับรองหนังสือค้ำประกัน ผ่านระบบ Cloud Technology ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ และด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เชื่อถือได้ ป้องกันการปลอมแปลงหนังสือค้ำประกัน รองรับการทำธุรกรรม และสามารถตรวจสอบสถานะได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ ทำให้ผู้ออกหนังสือค้ำประกันสามารถวางหนังสือค้ำประกันได้เร็วขึ้น ผู้รับวางหนังสือค้ำประกันสามารถตรวจสอบเอกสารได้อย่างรวดเร็วบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ 100%
บริการหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชนนี้จะเริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายนนี้ ภายใต้การทดสอบใน Regulatory Sandbox ของ ธปท. และสามารถรองรับองค์กรที่เป็นผู้รับหนังสือค้ำประกันเพิ่มได้ในไตรมาส 3 และในอนาคตจะมีการพัฒนาบริการอื่นๆ บนเทคโนโลยีบล็อกเชนเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มการใช้งานหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์บนบล็อกเชนเป็น 50% ของหนังสือค้ำประกันทั้งประเทศ ภายใน 3 ปี จากมูลค่าหนังสือค้ำประกันผ่านระบบสถาบันการเงินไทยทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 1.35 ล้านล้านบาท จำนวนมากกว่า 500,000 ฉบับต่อปี
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี