เอกชนเข้าชิงคลื่น 700 เมกกะเฮิรตซ์ ครบทั้งสามค่าย คาดทำรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่า การจัดสรรคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ที่เปิดให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ยื่นเอกสารเข้าร่วมจัดสรรคลื่นความถี่ โดยผู้ให้บริการในตลาดโทรคมนาคมไทยทั้ง 3 ราย เข้าร่วมการจัดรรคลื่นความถี่ครบทั้ง3 ราย คือ บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส), บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น จะเข้ามายื่นคำขอใบอนุญาต โดยบริษัทแรกที่มายื่นเอกสารคือทรูมูฟในเวลา 09.39 น. ถัดมาคือ เอไอเอส เวลา 09.59น. และดีแทคในเวลา 11.00 น.
อย่างไรก็ตามหลังจากปิดรับเอกสาร กสทช.จะพิจารณาคำขออนุญาตใช้คลื่นโดยหากผู้ประกอบการรายใดมีความต้องการคลื่นชุดเดียวกัน กสทช.จะพิจารณาผลประโยชน์ส่วนเพิ่ม (ราคาคลื่นความถี่ที่ให้เพิ่มจากราคาที่กำหนด) ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายกำหนดไว้ในเอกสาร หากผลประโยชน์ส่วนเพิ่มยังเท่ากันจะใช้วิธีจับสลาก โดยกสทช.จะแถลงสรุปผลการจัดสรรและมูลค่าที่ผู้ประกอบการแต่ละรายจะต้องชำระในเวลา 16.00 น.
ทั้งนี้การจัดสรรคลื่น 700 MHz จำนวน 30 MHz แบ่งออกเป็น3 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 10 MHz ราคาใบอนุญาตละ17,584 ล้านบาท แบ่งการชำระเป็น 10 ปี อายุใบอนุญาต 15 ปี โดยจะแตกต่างจากการประมูลคลื่นความถี่ในทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่ได้มีการประมูลเพื่อเคาะราคาแข่งขันกันแต่เป็นการจัดสรรคลื่นให้ไปเลยในราคาที่กำหนด กสทช.คาดว่าจะมีรายได้จากการจัดสรรคลื่นความถี่ไม่น้อยกว่า 52,752 ล้านบาท โดยหลังจากปิดรับเอกสาร กสทช.จะพิจารณาคำขออนุญาตใช้คลื่นโดยหากผู้ประกอบการรายใดมีความต้องการคลื่นชุดเดียวกันกสทช.จะพิจารณาผลประโยชน์ส่วนเพิ่ม (ราคาคลื่นความถี่ที่ให้เพิ่ม) ที่ผู้ประกอบการแต่ละรายกำหนดไว้ในเอกสาร หากผลประโยชน์ส่วนเพิ่มยังเท่ากันจะใช้วิธีจับสลาก
สำหรับคลื่นความถี่ทั้ง 3 ชุดมีความน่าสนใจแตกต่างกัน ชุดที่ 1 เป็นชุดที่อยู่ทรูมูฟมีความร่วมมือกับบริษัท กสท โทรคมนาคมในการให้บริการคลื่น850 MHz อยู่ก่อนแล้ว ชุดที่ 2 เป็นชุดที่ดีที่สุดเพราะไม่อยู่ติดกับคลื่นของใครเลยจึงไม่มีการรบกวนแต่มีข้อจำกัดที่การขยายเพิ่มจะทำไม่ได้ส่วนชุดที่ 3 เป็นชุดที่ติดกับคลื่นความถี่ที่ไมโครโฟนใช้งานในอนาคตสามารถประมูลเพื่อขยายคลื่นความถี่ได้
นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคเชื่อว่าการตัดสินใจที่สำคัญครั้งนี้จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ทุกฝ่าย สำหรับคลื่น 700 MHz ดีแทคสามารถนำไปใช้เพื่อการพัฒนาการสื่อสารไร้สายเทคโนโลยี 5G ต่อไป โดยการเข้ารับการจัดสรรคลื่นในครั้งนี้จะทำให้ดีแทคมีจำนวนคลื่นย่านความถี่ต่ำ (low band) ที่จะนำมาให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 2x10 MHzและเป็นผลให้ดีแทคจะมีคลื่นความถี่ที่ให้บริการทั้งหมดจำนวน 130 MHz (รวมคลื่นความถี่ 2300 MHz โรมมิ่งบนคลื่นทีโอที)”
“แม้ว่าคลื่น 700 MHz จะสามารถนำมาใช้งาน 5G ได้ แต่ กสทช ควรให้ความสำคัญต่อแผนการจัดสรรคลื่นความถี่ 5Gอย่างชัดเจนทั้งคลื่นย่านความถี่สูง และความถี่ต่ำจากการที่ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่สังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ความพร้อมของ 5G จะเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้น แผนการจัดสรรคลื่นความถี่ที่ชัดเจนจึงมีความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมในการตัดสินใจลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นอีกด้วย” นางอเล็กซานดรา กล่าว
สำหรับคลื่นย่าน 700MHz จะทำให้ดีแทคขยายสัญญาณให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือในพื้นที่ห่างไกล และยังทำให้การใช้งานในเมือง มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารดีแทค มีมติหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อนุมัติให้ ดีแทค ไตรเน็ต ยื่นเอกสารเพื่อเข้าร่วมขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 700 MHz จำนวน 1 ชุด ต่อสำนักงาน กสทช. ในวันที่ 19 มิถุนายน 2562
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี