nn ในกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเจริญเติบโต (ตลาดเกิดใหม่)ของเอเชีย...ในยามนี้ไม่มีที่ไหนที่จะดูน่าสนใจเท่ากับกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) อีกแล้ว...
ภาพรวมเศรษฐกิจซีแอลเอ็มวียังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ราว 6-7% ในปี 2019 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้า อย่างไรก็ดี อุปสงค์จากต่างประเทศต่อกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวียังคงอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากมูลค่าการส่งออก เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ และภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ดี โดยในช่วงสองเดือนแรกของปี 2019 การส่งออกรวมของซีแอลเอ็มวีขยายตัว 5% YOY โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศที่มีข้อตกลงการค้าเสรีและกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ให้สิทธิพิเศษทางการค้า ขณะเดียวกัน ภาครัฐได้ลงทุนต่อเนื่องเพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ทั้งจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ๆ นอกจากนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้กลุ่มชนชั้นกลางขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคการบริโภคครัวเรือนต่อไป อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจซีแอลเอ็มวีในระยะข้างหน้ามีมากขึ้น ซึ่งได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยเสี่ยงรายประเทศ ได้แก่ การเพิกถอน EBA จากสหภาพยุโรปสำหรับกัมพูชาและเมียนมา ความเปราะบางทางเศรษฐกิจต่อความเสี่ยงภายนอกโดยเฉพาะในลาวและเมียนมา และการเติบโตอย่างรวดเร็วของสินเชื่อในเวียดนาม ซึ่งอาจก่อหนี้เสียให้กับประเทศ
ทีนี้ลองมาเจาะกันดูรายประเทศ...กัมพูชา เศรษฐกิจจะขยายตัวชะลอลงที่ 6.8% ในปี 2019 การส่งออกยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีนภายใต้สิทธิพิเศษทางการค้า ขณะเดียวกัน กัมพูชายังสามารถดึงดูด FDI จากกลุ่มผู้ผลิตที่ต้องการเลี่ยงผลกระทบจากสงครามการค้า นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ที่สำคัญในระยะข้างหน้า ความเสี่ยงในระยะข้างหน้าคือการสูญเสียสิทธิประโยชน์ EBA จากสหภาพยุโรปในปี 2020
ลาว เศรษฐกิจจะยังเติบโตต่อเนื่องที่ราว 6.7% ในปี 2019 โดยมีภาคการก่อสร้าง การส่งออกไฟฟ้า และการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ความท้าทายสำคัญของเศรษฐกิจลาวคือเสถียรภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางจากความเสี่ยงภายนอก เนื่องจากมีระดับ หนี้สาธารณะสูง มีระดับทุนสำรองระหว่างประเทศต่ำ ทั้งยังพึ่งพาเศรษฐกิจจีนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในภาคการลงทุน
เมียนมา เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยโตเพียง 6.4% ใน FY2018/19 จากการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและความเป็นไปได้ในการสูญเสียสิทธิประโยชน์ EBA จากสหภาพยุโรปประกอบกับวิกฤติโรฮีนจาที่ต่อเนื่องจากปี 2018 สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ แนวโน้มการเติบโตในระยะข้างหน้าจึงต้องพึ่งพาความสำเร็จของนโยบายปฏิรูปทางเศรษฐกิจรอบใหม่
เวียดนาม เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงเป็น 6.5% ในปี 2019 และในอีก 5 ปีข้างหน้า FDI และการส่งออกจะยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ ด้วยแรงหนุนจากข้อตกลงทางการค้า EVFTA และแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนามเพื่อเลี่ยงสงครามการค้า อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจเวียดนามคือเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอลงกว่าที่คาดซึ่งจะส่งผลลบต่อการส่งออก และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อภายในประเทศ
ดูตามแผนที่ทางภูมิศาสตร์แล้ว ไทยน่าจะได้เปรียบที่สุดในการเข้าไปรุกตลาดการค้าและการลงทุนในกลุ่มนี้...อย่างไรก็ตามถ้าจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องเข้าใจและรู้ข้อมูลอย่างลึกซึ้งด้วยเช่นกัน...
ธนาคารไทยพาณิชย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี