นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.)เปิดเผยในงานแถลงข่าวครบรอบ 40 ปี การดำเนินงานของทอท.ว่าในช่วง 6 เดือนปีงบประมาณ 2562 (1 ตุลาคม 2561-31 มีนาคม 2562) ทอท.มีรายได้จากการขายหรือการให้บริการ 32,035.09 ล้านบาท และรายได้อื่น 781.59 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งสิ้น 32,816.69 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่าย 15,275.45 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 3,565.42 ล้านบาท ส่งผลทำให้มีกำไร 13,975.81 ล้านบาท
“มั่นใจว่ากำไรปีนี้จะใกล้เคียงหรือสูงกว่า 28,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2563-2564 คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างก้าวกระโดดหลังจากเริ่มรับรู้รายได้ในธุรกิจเสริมที่เตรียมเปิดดำเนินการเช่นรับรู้กำไรจากดิวตี้ฟรีเพิ่มปีละ 15,000 ล้านบาท และกำไรอาจสูงถึงปีละมากกว่า 40,000 ล้านบาท ในอนาคต รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจขนส่งสินค้า (Cargo) และธุรกิจดิจิทัล (AOT Application) เป็นต้น “
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 - พฤษภาคม 2562 ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ของ ทอท.ได้ให้บริการเที่ยวบิน 606,891 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 3.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 328,500 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.23% และเที่ยวบินภายในประเทศ 278,391 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 0.79% ขณะที่มีผู้โดยสาร 97.23 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.78% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ57.06 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3.72% และผู้โดยสารภายในประเทศ 40.17 ล้านคน ลดลง 0.85% เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปริมาณผู้โดยสารที่ลดลงทั้งยุโรปและจีนแต่ในปีหน้าคาดว่าปริมาณผู้โดยสารจะกลับมาโตตามฐานที่กำหนดได้ คาดว่าปีนี้อาจต้องปรับเป้าประมาณการผู้โดยสารลงเหลือ 2% จากเดิมตั้งเป้า 7-8%
ส่วนการพัฒนาสนามบินเพื่อเพิ่มขีดศักยภาพการรองรับของประเทศนั้นขณะนี้มีแผนลงทุนเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่วงเงินรวม 202,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสนามบินภูเก็ต แห่งที่ 2 วงเงินลงทุน 75,000 ล้านบาท รองรับ 10 ล้านคนต่อปี, โครงการสนามบินเชียงใหม่ แห่งที่ 2 รองรับ 10 ล้านคนต่อปี, โครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 42,000 ล้านบาท รองรับได้ 30 ล้านคนต่อปี, โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงินลงทุน 32,000 ล้านบาท รองรับได้ 18 ล้านคนต่อปี รวมถึงโครงการรับโอน 4 สนามบินภูมิภาค ได้แก่ สนามบินอุดรธานี สนามบินสกลนคร สนามบินตาก และสนามบินชุมพร วงเงินลงทุน 3,500 ล้านบาท แผนทั้งหมดอยู่ระหว่างรอเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในรัฐบาลใหม่พิจารณาเพื่อเดินหน้าดำเนินโครงการต่อไป
โดยท่าอากาศยานภูเก็ต แห่งที่ 2 และท่าอากาศยานเชียงใหม่ แห่งที่ 2 นั้น หากได้รับการอนุมัติลงทุนแล้วคาดว่าจะใช้เวลาจัดกรรมสิทธิ์และเวนคืนที่ดินประมาณ 1 ปี จากนั้นจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี คาดว่าจะเปิดบริการในปี 2568 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำสนามบินใหม่ทั้ง 2 แห่งให้เป็นสนามบินนานาชาติ (International Airport) เพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นในสนามบินที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 3 อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ควบคู่ไปกับขั้นตอนการเสนอโครงการไปยังฝ่ายนโยบาย
ส่วนโครงการอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 สุวรรณภูมิ (Terminal 2) เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมได้ส่งเรื่องชี้แจงกลับไปยังสภาพัฒน์และกระทรวงคมนาคมว่าต้องการผลักดันโครงการต่อไปหากได้รับอนุมัติจะเดินหน้าจัดจ้างงานออกแบบโครงการทันทีก่อนเปิดประมูลงานก่อสร้างตั้งเป้าแล้วเสร็จเปิดใช้งานในปี 2565-2566 สุดท้ายโครงการรับโอน 4 สนามบินนั้น ขณะนี้ได้หารือร่วมกับกรมธนารักษ์และกรมท่าอากาศยานจนได้ข้อสรุปชัดเจนแล้วจึงส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อเสนอ ครม.เพื่อทราบต่อไป หากได้รับอนุมัติจะพัฒนาสนามบินอุดรธานี ให้เป็น International Airport
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี