กสทช.เตรียมดึงเงินกองทุนฯ 5.3 พันล้านบาท เยียวยา“ทีวีดิจิทัล”ตามคำสั่ง คสช. “ฐากร”ยันไม่กระทบสถานะการเงิน หลังเงินกองทุนฝากโทรคมฯเข้ามาอีกหมื่นล้านบาท ขณะที่ 1 กันยายน“วอยซ์ทีวี”จอดับ
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2562 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจาย กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดวิธีการและเงื่อนไขการชดเชยกรณีคลื่นใบอนุญาตทีวีดิจิทัล มีมติให้สำนักงาน กสทช. เยียวยาทีวีดิจิทัล โดยมีกรอบวงเงินที่จะต้องยืมเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ(กทปส.) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,332.021 ล้านบาท ก่อนที่จะนำเงินจากการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์(MHz) มาชำระคืนในปี 2563
อย่างไรก็ตาม เงินดังกล่าวแบ่งออกเป็นเงินเยียวยาการแก้ปัญหาทีวีดิจิทัล 5 ส่วนประกอบด้วย 1. ค่าชดเชยจากการคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล 7 ช่องทีวีดิจิทัล จำนวน 3,785.521 ล้านบาท 2.จ่ายคืนค่าธรรมเนียม งวดที่ 5 ทีวีดิจิทัล 3 ช่อง ได้แก่ 1.บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7) 2. บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (ช่อง 3) 3.บริษัท สปริงนิวส์ เทลเวิชั่น จำกัด จำนวน 217.7 ล้านบาท 3.ค่าเช่าใช้บริการโครงข่ายทีวีดิจิทัล จนครบอายุไลเซ่นส์ ในวันที่ 1 มิ.ย.63- 30 ก.ย.63 จำนวน 552.8 โดย ซึ่งหลังจากวันที่ 1 ต.ค.63 ใช้เงินประมูล 700 MHz แทน
4.การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์โครงข่ายภาคพื้นดินทีวีดิจิทัล (MUX) จำนวน 345 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงข่ายของ กองทัพบกช่อง 5 จำนวน 85 ล้านบาท, อสมท. 100 ล้านบาท, กรมประชาสัมพันธ์ 40 ล้านบาท และไทยพีบีเอส 120 ล้านบาท และ 5.เงินสนับสนุนการจัดทำระบบสำรวจความนิยมรายการทีวี (เรทติ้ง) อีก 431 ล้านบาท
นอกจากนี้การคืนไลเซ่นส์ช่องวอยซ์ทีวี จะมีการเยียวยา พนักงานที่ถูกปลดจากงาน และวอยซ์จะจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย และเพิ่มให้อีก 1 เดือน เช่นเดียวกับ สปริงนิวส์ , ไบรท์ ขณะที่การเยียวยาประชาชนผู้รับชม ควรจะต้องประชาสัมพันธ์ในการยุติการออกอากาศไม่น้อยกว่า 45 วัน โดยให้ยุติการออกอากาศในวันที่ 31 ส.ค.62 โดยเงินค่าประมูลที่ต้องชำระ รวม 4 งวด 886 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมคลื่นความถี่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน 569.860 ล้านบาท หักผลประโยชน์ที่ได้รับระหว่างประกอบกิจการ , เงินสนับสนุนค่า MUX 27 ล้านบาท , เงินสนับสนุนค่ามัสแครี่ 34 ล้านบาท รวมเงินค่าชดเชย 508.594 ล้านบาท หักเงินงวดที่ 4 จำนวน 130.540 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าชดเชยรวมทั้งสิ้น 378.054 ล้านบาท โดยสำนักงานจะนำผลการประชุมของคณะอนุฯ เพื่อเสนอบอร์ด กสทช.พิจารณาในวันที่ 9 ก.ค.62 ต่อไป
“เงินกองทุนฯ ตอนนี้ที่ใช้ได้มีอยู่ 3,000 ล้านบาท เงินยูโซ่มีอยู่ 20,000 ล้านบาท กำลังพิจารณาว่าจะยืมจากกองไหน แต่ยืมจากกองไหนได้หมดไม่กระทบเนื่องจากเป็นคำสั่งม.44” นายฐากร กล่าว
ด้านนายนิพนธ์ จงวิชิต รักษาการผู้จัดการกองทุนวิจัยและพัฒนา (กทปส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กองทุน กทปส.มีเงินคงเหลือราว 5 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับเงินสมทบจากผู้ประกอบการฝั่งโทรคมนคมนาคมที่จ่ายเข้ามาจำนวน 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินจากฝั่งกิจการกระจายเสียงจำนวน 1,000 ล้านบาท และโทรคมนาคม 4 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกันภาระผูกพันที่รวมถึงโครงการตามแผนยูโซที่อนุมัติก่อนหน้านี้ราว 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (zone C) หรือ “เน็ตชายขอบ” เฟสแรก 1.3 หมื่นล้านบาท เฟส 2 ราว 1.5 หมื่นล้านบาท และอีก 1 พันล้านบาทสำหรับกรอบวงเงินการจัดสรรเงินกองทุนประจำปี 2562 ที่ได้อนุมัติไว้แล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อหักส่วนที่ต้องกันไว้ตามโครงการที่อนุมัติแล้วก็จะมีเงินกองทุนเหลือราว 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนนี้ก็จะเบิกไปสำรองจ่ายให้ทีวีดิจิทัลที่คืนช่องก่อนได้ รวมถึงค่าทำเรตติ้ง ซึ่งเงินกองทุนที่จะนำไปใช้ได้นั้นจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ กำหนดไว้ แต่เมื่อมีคำสั่ง คสช.ก็มีอำนาจในการเบิกเงินกองทุนฯ มาใช้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี