nn นอกจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจไทยยามนี้...ก็มีประเด็นเรื่องของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอย่างเร็วแรงแรง...ที่อีกหนึ่งประเด็นที่ร้อนแรง...ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝั่งภาคเอกชนที่ฝากไปถึงแบงก์ชาติมากมาย..รวมทั้งกดดันให้แบงก์ชาติควรแสดงบทบาทให้มากกว่านี้เกี่ยวกับค่าเงินบาท...จนตอนนี้ลามไปถึงการสร้างความสับสนให้กับสังคมและเข้าใจแบงก์ชาติผิดไป....
ไม่กี่วันมานี้ผู้ว่าแบงก์ชาติได้ออกมาพูดถึงเรื่องของค่าเงินบาทว่ามันเกิดขึ้นในอะไรตอนนี้...โดยลำดับความออกมาเป็นข้อๆ โดยสรุปก็คือ...1.เงินบาทแข็งค่ามีทั้งผู้ได้และเสียประโยชน์ เงินบาทแข็งค่าขึ้น 1 บาท รายได้จากการส่งออกหายไปแสนล้านบาท แต่รายจ่ายจากการต้องนำเข้าสินค้า อาทิ น้ำมัน เครื่องจักร วัตถุดิบจากต่างประเทศ ก็ลดลงเป็นแสนล้านบาทเช่นกัน 2.ตั้งแต่ต้นปี 2562 เงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 5% ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้เป็นสำคัญ เช่น การเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) 3.แบงก์ชาติเข้าไปดูแลบางช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็ว ในลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานของเศรษฐกิจ เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจมีต่อผู้ประกอบการ แต่ก็ระวังไม่ให้ถูกจัดเป็น currency manipulator (กลุ่มประเทศแทรกแซงค่าเงิน)
4.ในบริบทของเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนยากจะคาดเดา ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความสามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 5. FX options เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่จะช่วยล็อกเรท เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ปัจจุบันภาครัฐมีโครงการ option ช่วยชาติ โดยภาครัฐสนับสนุนค่าธรรมเนียมการล็อกเรท 6.ปัจจุบันสินค้าที่ส่งออก 80% ยัง quote เป็น USD ขณะที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มีเพียง 10% ในบริบทที่เงิน USD มีแนวโน้มผันผวน การ quote ราคาสินค้าส่งออกในสกุลเงินของคู่ค้า (local currency) หรือในรูปเงินบาทแทน USD จะช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและลดต้นทุนได้ และ 7.มองไปในอนาคต ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้มีแนวโน้มลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการควรปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ค่าธรรมเนียมการปิดความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการทำธุรกิจในโลกสมัยใหม่…
แล้วถ้าถามว่าแบงก์ชาติทำอะไรเพื่อเป็นการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทไปบ้างแล้วหรือไม่...คำตอบคือ “มี” ...1.แบงก์ชาติ ปรับเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี NRBS และNRBA ให้ลดลง จากเดิมกำหนดไว้ที่ 300 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท ต่อราย NR ต่อประเภทบัญชีโดยกำหนดให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป กรณีบัญชีที่มียอดคงค้างเกินกว่า 200 ล้านบาท ให้สถาบันการเงินดำเนินการให้ NR เจ้าของบัญชีปรับลดยอดคงค้างภายในกำหนดเวลาดังกล่าว... 2.การยกระดับการรายงานข้อมูลการถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติให้ลึกขึ้นถึงระดับชื่อของผู้ได้รับผลประโยชน์แท้จริง(Ultimate Beneficiary Owners) เพื่อติดตามพฤติกรรมการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะเพื่อใช้เป็นที่พักเงินระยะสั้น....!! ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาทันที มาเคลื่อนไหวในระดับ 30.50-30.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ...
แต่ถ้าถามว่าจบหรือยังเราชนะหรือยัง...ก็คงต้องบอกว่ายัง...เพราะหลังจากนี้...ธนาคารกลางทั่วโลก จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และจะต้องรักษา policy space กับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่จะปรับลดลงมาอีก ซึ่งคาดกันว่าในปีนี้จะลดลง 2 ครั้ง...นั่นแปลว่าเม็ดเงินจากตลาดเงินฝั่งตะวันตกจะทะลักกลับเข้ามาในภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทยอีกครั้ง...ตอนนี้จึงเกิดเสียงเรียกร้องจากทั้งนักวิชาการ ผู้ประกอบการภาคส่งออก ภาคการท่องเที่ยว ว่าแบงก์ชาติไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องลดดอกเบี้ยนโยบาย ไม่เช่นนั้นก็เอาไม่อยู่....
!! ประเด็นสำคัญเลยคือว่าล่าสุดแบงก์ชาติบอกว่า...เงินบาทแข็งค่าเกิดจากหลายปัจจัย แต่มองว่าอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้มีเงินเข้ามาในประเทศ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำคือ 1.75% และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 0.88% เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค จึงมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่ได้ส่งผลมากนัก และการดำเนินนโยบายการเงินต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแต่ละประเทศว่าตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศนั้นๆหรือไม่...!! เมื่อเป็นอย่างนี้แรงกดดันต่อไปก็จะไปอยู่ที่กระทรวงการคลัง...เชื่อว่าจะต้องไปกดดันให้ รมว.คลัง กดดันแบงก์ชาติ...!! เศรษฐศาสตร์วันหยุด...จึงได้บอกว่านี่คือประเด็นสำคัญเพราะหากว่ามีแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองมายังแบงก์ชาติ เท่ากับว่า แบงก์ชาติขาดความเป็นอิสระซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง....
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี