“ศักดิ์สยาม”นัดแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างหารืออีกครั้ง 8 ส.ค.นี้ พร้อมย้ำควรพัฒนาการให้บริการให้อยู่ในมาตรฐานเพราะประชาชนผู้ใช้บริการเป็นผู้ตัดสินใจเลือกใช้
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนผู้ประกอบการรถแท็กซี่โดยสารสุวรรณภูมิ แท็กซี่วิ่งระหว่างจังหวัดกรุงเทพฯ-พัทยา ผู้ประกอบการแท็กซี่ทั่วไป พร้อมด้วยผู้ประกอบการวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล เข้าพบและหารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการรถโดยสารทั้ง 2 ส่วน
โดยในส่วนของผู้ประกอบการรถแท็กซี่นั้น ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอปรับค่าโดยสาร 5 % ตามที่ภาครัฐเคยรับปากไว้ การขอขยายอายุการใช้งานรถที่วิ่งประกอบการจาก 9 ปี เป็น 12 ปี และกรณีการวิ่งรถระหว่างจังหวัดนั้น ขอไม่กดมาตรวัดค่าโดยสาร (มิเตอร์) ขณะที่ผู้ประกอบการรถโดยสารวิ่งระหว่างจังหวัด เช่นกรุงเทพฯ-พัทยา เรียกร้องขอปรับมิเตอร์เริ่มต้นเป็น 100 บาท
ขณะที่ผู้ประกอบการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ได้ทวงถามติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับบริษัท Grab ซึ่งที่ผ่านมาเคยแจ้งความร้องทุกข์ตั้งแต่ปี 2559 ในข้อหาที่บริษัท Grab ไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนให้บริการด้านขนส่งได้เข้ามาประกอบการส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจักรยานยนต์รับจ้าง โดยเรียกร้องให้ศูนย์คมนาคมเร่งหาแนวทางกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการทุกกลุ่มได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมเท่าเทียมกันกับกฎหมายที่มี
ด้านนายศักดิ์สยาม กล่าวภายหลังการหารือว่า ในที่ประชุมได้หารือและได้มีการเสนอให้ทางกลุ่มแท็กซี่ และกลุ่มวินรถจักรยานยนต์รับจ้างตั้งตัวแทนเพื่อประสานงานและรวบรวมข้อมูลรายละเอียดปัญหาที่เป็นข้อจำกัดและต้นทุนแต่ละวัน รายได้เป้าหมายต่อวัน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มจะต้องได้ข้อสรุปชัดเจน และกลับมาประชุมร่วมกับกรมการขนส่งทางบกในวันที่ 8 ส.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางออกร่วมกัน โดยเบื้องต้นความเดือดร้อนของผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเรื่องค่าโดยสารที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง การแข่งขันของแอพพลิเคชั่นจนทำให้สูญเสียรายได้และข้อเรียกร้องให้ Grab เข้ามาอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอีก 5% และค่าเซอร์ชาร์จ ของกลุ่มแท็กซี่ด้วย
ทั้งนี้ หากพบว่าข้อมูลเรื่องต้นทุนนั้นสูงกว่าความเป็นจริงพร้อมที่จะขึ้นราคาค่าโดยสารรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างให้ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่สะสมมานาน โดยได้ฝากไปยังกลุ่มผู้ประกอบการว่าให้เพิ่มคุณภาพบริการที่ดีและคิดราคาผู้โดยสารแบบยุติธรรม เพราะคนที่ตัดสินใจสนับสนุนการให้บริการของ Grab หรือ สนับสนุนการปรับราคานั้นไม่ได้อยู่ที่กระทรวงคมนาคมหรือกรมการขนส่งทางบก แต่เป็นพี่น้องประชาชนผู้ใช้บริการ
ขณะที่การผลักดันให้ Grab ถูกกฎหมายนั้นยืนยันว่าจะต้องเข้ามาจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยถึงจะยอมให้ดำเนินธุรกิจได้ไม่ว่าจะเป็น Grab, Uber ,Didi ฯ ครอบคลุมบริการรถแท็กซี่และรถจักรยานยนต์ เพราะว่าการรับรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้จะต้องมีเม็ดเงินรวมถึงการเสียภาษีต้องเกิดขึ้นในบ้านเรา หากทำได้ตามเงื่อนไขนี้แล้วก็สมควรนำ Grab เข้ามาอยู่ร่วมภายใต้กฎหมายเดียวกันให้เร็วที่สุด และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังพร้อมเยียวยาให้กับผู้ประกอบการเดิมตามข้อเรียกร้อง
สำหรับการผลักดันให้ Grab ถูกกฎหมายนั้นหากจะดำเนินการต้องนำเข้าระบบเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมด้านการแข่งขัน ของรถโดยสารสาธารณะแต่ต้องศึกษารายละเอียดรอบด้าน ซึ่งได้มีการมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกเชิญตัวแทนเข้ามาหารือ เพื่อดำเนินการเข้าสู่กฎหมายไทยและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลมาตาฐานเดียวกัน โดยในส่วนของแท็กซี่และรถจักรยานยนต์รับจ้างเห็นด้วยเพราะจะเป็นการต่อยอดในการประกอบอาชีพยกระดับการบริการ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเอาผิดหรือระงับการให้บริการของ Grab ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย กระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบกไม่มีอำนาจในการสั่งระงับการบริการ อย่างไรก็ตามได้มีการเน้นย้ำให้พัฒนาการบริการให้อยู่ในมาตรฐานไม่ว่าแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์รับจ้าง เนื่องจากผู้ตัดสินภาพรวมการบริการไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือกรมการขนส่งทางบก แต่เป็นประชาชนผู้ใช้บริการหากบริการดี ราคาเป็นธรรมประชาชนก็จะหันมาใช้บริการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี