"จุรินทร์"รุดหารือสภาหอการค้าฯ เตรียมตั้งวอร์รูมการส่งออกระหว่างภาครัฐกับเอกชน พร้อมแก้อุปสรรคการค้าชายแดน เร่งเปิดด่าน มุ่งหนุนเอกชนเป็นทัพหน้าช่วยการส่งออกสินค้าไทย
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2562 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยพร้อมเครือข่ายหอการค้าไทย ซึ่งมีสมาชิก 123,932 ราย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ 7,181 ราย หอการค้า 76 จังหวัด หอการค้าต่างประเทศ สมาคมการค้า และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) โดยเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหารืออุปสรรคปัญหาร่วมกันกับผู้บริหารสภาหอการค้าฯ
โดยภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้มีความเห็นร่วมกันว่าจะตั้งวอร์รูมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับภาคเอกชน ซึ่งในนั้นจะมีผู้แทนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยด้วยเพื่อติดตามสถานการณ์หาทางออกร่วมกันเพื่อเดินหน้าการค้าของประเทศไทยสู่ตลาดโลก และมีความเห็นร่วมกันที่จะเร่งรัดการส่งออก โดยจะมีคณะทำงานเจาะลึกการส่งออกทั้งรายสินค้า-บริการ และรายตลาด ทั้งนี้เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปสนับสนุนเป็นทัพหนุนและให้เอกชนเป็นทัพหน้าตามแนวที่ให้ไว้
ประการที่ 2 เห็นตรงกันว่าจะมีการเร่งรัดการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำหรับประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นหนึ่งประเทศอาร์เซ็ป (อาเซียน+6) ที่จะเร่งรัดให้จบภายในปีนี้ และเริ่มต้นพื้นการเจรจาเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ประการที่ 3 เห็นตรงกันเรื่องเกี่ยวกับการค้าชายแดนมีความสำคัญอย่างยิ่งเป็นตลาดใหญ่อัตราการขยายตัวที่อย่างดี ซึ่งที่หอการค้าต้องการอยากเห็นคือเร่งรัดการเปิดด่านเพื่อการค้าขายชายแดนให้เป็นรูปธรรม ประการที่ 4 คือ ตั้งคณะทำงานร่วมกันขึ้นมาเพื่อหาทางออก เรื่องกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคทางด้านการค้า หรือไม่มีความทันสมัย โดยดำเนินการแก้ไขใช้ช่องทางรัฐสภาฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ทางสภาหอการค้าฯยังได้เสนอตัวเข้ามามีส่วนร่วมในช่องทางการจัดจำหน่ายผลไม้ ที่กระทรวงพาณิชย์เพิ่งผ่านการทำข้อตกลง (MOU) กับภาคส่วนต่างๆ ไปก็จะเข้ามาเสริมเป็นกำลังสำคัญโดยใช้หอการค้าจังหวัดต่างๆ ภายใต้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อการช่วยเหลือเกษตรกร
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ในที่ประชุมทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังได้รายงานถึงความไม่สมดุลของแรงงานภาคการเกษตรกับจีดีพีของประเทศโดยแบ่งเป็นภาคการเกษตรภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการแนวโน้มแรงงานไทยจะมุ่งสู่ภาคบริการมากยิ่งขึ้นและสัดส่วนภาคการเกษตรแรงงานลดลง และที่ประชุมได้หารือกันถึงเรื่องการค้าชายแดนและโดยเสนอให้มีการเร่งรัดยกระดับด่านชายแดนที่เป็นด่านสำคัญทางการค้าทั้ง 6 ด้าน คือ จุดผ่อนปรนบ้านห้วยต้นนุ่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน จุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนม่า แห่งที่ 2 จุดผ่อนปรนพิเศษสิงขร จุดผ่อนปรนช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี จุดผ่อนปรนช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ และช่องทางการค้าทางธรรมชาติบ้านท่าเส้น จังหวัดตราด
นอกจากนั้นรายงานยังแจ้งด้วยว่า ตัวแทนสภาหอการค้าไทยต้องการให้ผลักดันการขยายช่องทางโลจิสติกส์ หรือการลำเลียงสินค้าและการพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางฝั่งไทย เนื่องจากว่าได้มีการพัฒนาทางฝั่งชายแดนเพื่อนบ้าน เช่นพม่าค่อนข้างพร้อมก่อนแล้ว และยังได้หารือในเรื่องอุปสรรคทางค่าเงินและด้านแรงงานด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี