กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก Krungsri SME Index ในไตรมาส 2/2562 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ใน 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในแดนบวกแต่ปรับลดลงมาที่ 14.30 จาก 20.23 ในไตรมาสที่แล้วสะท้อนความเห็นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 จะคงยังเติบโตแม้จะอยู่ในอัตราที่ลดลง โดยในภาพรวม ผู้ประกอบการ 42% มีความกังวลด้านภาวะเศรษฐกิจ ตามด้วยการเมือง 15% และปัญหาแรงงาน 6% ขณะที่ผู้ประกอบการ 29% ระบุว่า ไม่มีความกังวล
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า“ผลสำรวจ Krungsri SME Index ชี้ว่าผู้ประกอบการขนาดเล็กและผู้ประกอบการในต่างจังหวัดมีมุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจมากกว่ากลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติลดดอกเบี้ยล่าสุด น่าจะช่วยลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ SME และส่งผลให้ความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง”
วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2562 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก ความชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จะช่วยหนุนการเติบโตของการใช้จ่ายภายในประเทศ แม้ปัญหาภัยแล้งอาจกดดันรายได้ภาคเกษตร แต่นโยบายช่วยเหลือจากภาครัฐจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ขณะที่การปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจาก “มีเสถียรภาพ” สู่ “เชิงบวก” จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี การลงทุนภาครัฐอาจขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากความล่าช้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง รวมทั้งความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 (ตุลาคม 2562-กันยายน 2563) ซึ่งอาจส่งผลกระทบการลงทุนใหม่ของภาครัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2563 แม้การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มหดตัวในไตรมาส 3 เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แต่คาดว่าการส่งออกไทยอาจปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน ผนวกกับผลบวกจากการทดแทนการส่งออกของสหรัฐ-จีน และผลจากการย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ประเทศไทยในบางอุตสาหกรรมที่ได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้า
นอกเหนือจากนี้ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการทั่วประเทศในเดือนมิถุนายน 2562 ได้สอบถามเรื่องความเข้าใจของผู้ประกอบการ SME ในเรื่องการกู้ยืมระหว่างบุคคลผ่านช่องทางออนไลน์ (P2P lending) พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทั่วประเทศ ทุกขนาดและในทุกอุตสาหกรรมจำนวน 89% ยังไม่รู้จักและขาดความเข้าใจใน P2P lending ขณะที่ผู้ประกอบการ 42% มีความสนใจในการขอกู้เงินผ่าน P2P โดยมีเหตุผลหลักคือ ต้องการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (52%) ความสะดวกสบาย เพราะสามารถทำการกู้ผ่านออนไลน์ได้ทันที (20%) และอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าเดิม (19%) ตามลำดับ และเมื่อสอบถามถึงความสนใจในการปล่อยกู้ผ่าน P2P ผู้ประกอบการ 73% ไม่สนใจ เนื่องจากความกังวลเรื่องความเสี่ยงสูงของผู้กู้ว่าจะเป็นหนี้เสีย (35%) และไม่มั่นใจด้านความปลอดภัยของระบบและข้อมูล (14%) ตามลำดับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี