ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจจำนำทะเบียนรถ รวมถึงองค์กรทางกฎหมายที่มีบทบาทในการปกป้องสิทธิของผู้บริโภค ได้ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบอีกครั้ง หลังจากหลังจากเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่รายงานการตรวจสอบ การประกอบธุรกิจของ ผู้ให้บริการทางการเงินประเภทรับจำนำทะเบียนรถเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าได้พิจารณาลงโทษปรับบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,655,000 บาท ตามมาตรา 46 พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 กรณีเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าบริการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเกินกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่บริษัทประกาศไว้
ด้านผู้บริหารบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ กล่าวยอมรับว่าได้ถูกฝ่ายตรวจสอบของ ธปท.สั่งปรับจากการปล่อยกู้ที่มีการคิดค่าบริการ ไม่เป็นไปตามประกาศบริษัทจริง แต่ก็ได้ดำเนินการแก้ไขเสร็จแล้ว และถือได้ว่าพอร์ทสินเชื่อของบริษัทไม่มีปัญหา
“กรณีที่เกิดขึ้นก็มาจากหลักเกณฑ์ที่คลุมเครือของธปท.ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างพนักงานกับลูกหนี้คิดค่าบริการผิดไปจากที่บริษัทประกาศไว้ จากการตรวจสอบพบว่าพนักงานบางรายคิดค่าบริการเกินไป 2 บาท พนักงานเราก็ต้องขับรถไป 20-30 กม.เพื่อนำเงินไปคืนให้ลูกหนี้ 2 บาทตามคำสั่งของ ธปท. แต่เราก็ยินดีทำตาม เพียงขอให้ดำเนินการตรวจสอบและปฏิบัติกับรายอื่นๆ บนมาตรฐานเดียวกันด้วยเท่านั้น” ผู้บริหารเงินทุนศรีสวัสดิ์กล่าว
ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวได้ ผู้ประกอบธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถ รวมทั้งกลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ที่เป็นแกนนำในการดำเนินการเรื่องนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ยังมีผู้ให้บริการทางการเงินในลักษณะเดียวกันอีกนับสิบราย โดยเฉพาะรายใหญ่หลายรายที่เคยถูกลูกหนี้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมทั้งฟ้องร้องเป็นคดีต่อศาล ทั้งยังมีลูกหนี้อีกนับร้อยร้องเรียนผ่านสายด่วน ธปท.โดยตรง เหตุใดกลับไม่ถูกตรวจสอบ หรือถูกลงโทษแต่อย่างใด
“เป็นไปได้อย่างไรที่ตลาดสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ หรือจักรยานยนต์ ทั้งระบบที่มีมูลกว่า 200,000 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือที่เป็นบริษัทในเครือธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ บางรายมีพอร์ทสินเชื่อ มากกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท แต่กลับไม่ถูกตรวจสอบ หรือมีข่าวคราวว่าถูกธปท.ตรวจสอบลงโทษแต่อย่างใด ทั้งที่มีกรณีการร้องเรียนมากมายหลายกรณี” ตัวแทนกลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ลูกหนี้ผู้เสียหายหลายราย ได้ส่งเอกสารร้องเรียนไปยังผู้ว่าธปท.โดยตรงและมีการตรวจสอบภายในธปท.ก่อนมีการแจ้งกลับไปยังลูกหนี้ถึงพฤติกรรมการเอาเปรียบของผู้ประกอบการเหล่านี้ โดยระบุว่าดำเนินการขัประกาศธปท.และพ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 และพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา แต่ก็กลับไม่มีการลงโทษใดๆ ตามมา จึงไม่เข้าใจว่า ระบบตรวจสอบหรือที่เรียก “มาร์เก็ต คอนดัก” ของ ธปท.นั้น ใช้เกณฑ์ชี้วัดใดในการตรวจสอบผู้ประกอบการกันแน่ จึงทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังคงมีพฤติกรรมเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราเอากับลูกหนี้ได้อยู่
รายงานข่าวจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ ระบุอีกว่า ต้องขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทย ที่คืนความยุติธรรมให้ประชาชน หลังจาก ธปท.ได้ดำเนินการตามกฎหมาย หลังจากเกิดการร้องเรียน บริษัทจำนำทะเบียนรถคิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด แต่ทั้งนี้ก็ต้องการที่จะสอบถึงความคืบหน้าว่า จดหมายร้องเรียนของลูกหนี้ต่อบริษัทจำนำทะเบียนรถชื่อดัง 2-3 แห่ง บางแห่งนั้นธปท.มีความคืบหน้าในการตรวจสอบไปอย่างไรบ้างแล้ว และเมื่อใดบริษัทดังกล่าวจะออกมาคืนเงินลูกหนี้ส่วนที่เสียหายด้วย สุดท้ายนี้ทางกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้หวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะให้เกณฑ์เดียวกันกับที่ตรวจสอบเงินทุนศรีสวัสดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี