1นาที15คัน!‘ศักดิ์สยาม’เทสต์ยก‘ไม้กั้น’ทางด่วน แก้รถติดหน้าด่าน
25 สิงหาคม 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางอโศก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษ พร้อมด้วยนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม , นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม , นายสมัย โชติสกุล , นายพิศักดิ์ จิตวิตวิริยะวศิน และนายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม , นายวิทยา ยาม่วง ผู้ตรวจราชการและรองโฆษกกระทรวงคมนาคม , นายศราวุธ ทรงวิไล อธิบดีกรมการขนส่งทางราง โดยมีผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ให้การต้อนรับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้ได้ทดสอบการยกไม้กั้น แล้วจับเวลารถบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ พบว่า ช่องอัตโนมัติ มีความเร็ว 15 คัน/นาที และช่องเงินสด ความเร็ว 12 คัน/นาที โดยพบปัญหาคือเมื่อยกไม้กั้นขึ้น ประชาชนไม่ทราบว่าจะมีการทดสอบจึงหยุดรถสอบถาม ทำให้เกิดการจราจรติดขัด จึงมอบให้ กทพ. ประชาสัมพันธ์แผนการทดสอบผ่านสื่อต่าง ๆ ให้ประชาชนทราบ
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้า กทพ. ต้องทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการก่อนทดสอบที่ด่านจริงในสัปดาห์ถัดไป โดยจะนำร่องที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษอโศก 3 (ขาออก) และด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษอโศก 4 (ขาเข้า) นอกจากนี้ พบว่าปัญหาการจราจรติดขัดส่วนใหญ่เกิดที่ช่องเงินสด และจากปัจจัยภายนอก เช่น การจราจรติดขัดที่ทางปกติ ซึ่ง กทพ. ต้องประสานกับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กทม. ตำรวจจราจร ว่าจะระบายการจราจรถนนด้านล่างอย่างไร
นอกจากนี้ นายศักดิ์สยาม ยังเข้ารับฟังบรรยายการดำเนินการและการแก้ไขปัญหาการจราจรหน้าด่านจัดเก็บค่าผ่านทาง กรมทางหลวง พร้อมเปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้รายงานการดำเนินการตามนโยบาย ประกอบด้วย
1.การเพิ่มเจ้าหน้าที่จัดเก็บเงินหน้าด่าน จำนวน 10 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง ซึ่งกรมทางหลวงได้เลือกด่านทับช้าง 1 และด่านทับช้าง 2 มาทดสอบ โดยได้มีการทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่จัดเก็บ การตรวจค้น แจกอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย กำหนดตำแหน่งยืนภาคสนาม และทำการประชาสัมพันธ์ผ่านแผ่นป้าย VMS และประกาศหน้าด่าน
ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้สรุปผลการทดสอบในภาพรวม โดย กรมทางหลวงต้องปรับปรุงโปรแกรม (software) ของระบบจัดเก็บให้รองรับกระบวนการทำงานของการปล่อยเป็นขบวนร่วมกับการทำงานแบบปกติ และระบบรายงานปริมาณการจราจรและรายได้ พร้อมหาแนวทางการป้องกันรถฝ่าด่าน พร้อมรองรับการแจ้งความที่น่าจะมีผู้ละเมิดมากขึ้น นอกจากนี้ ต้องจัดเตรียมพนักงาน 14 คนต่อตู้ (1 คนจัดเก็บในตู้ 1 คนหยุดรถหลังตู้ 1 คนหยุดรถหน้าตู้ 10 คนจัดเก็บ 1 คนระวังหัวขบวนและจัดการจราจร) และเตรียมทีมรับ-ส่งเงินทอนจากหน้าด่านไปให้พนักงานหน้าตู้เก็บเงิน
2.นโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางอัตโนมัติ ETC โดยการยกไม้กั้น ซึ่งกรมทางหลวงได้ทดลองติดตั้งกล้องดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่องทาง (DVES) เพิ่มเติม และกล้องอ่านทะเบียน (LPR) ซึ่งกรมทางหลวงได้สรุปผลจากการทดสอบ โดยต้องจัดทำระบบมีการบูรณาการข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก และบังคับใช้กฎหมายร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเพิ่มบทลงโทษให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีข้อสั่งการในการแก้ปัญหาการจราจรหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง ดังนี้ 1.ระยะเร่งด่วน ได้มอบให้ กรมทางหลวง ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูล ทดสอบการแก้ไขปัญหาในห้องปฏิบัติการ 1 สัปดาห์ก่อนลงพื้นที่ทดลองปฏิบัติในพื้นที่จริง 1 สัปดาห์ จากนั้นนำข้อมูลมาประมวลผล และรายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงคมนาคม
2.ระยะยาว ให้ใช้เทคโนโลยีระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้และพัฒนาโปรแกรม เชื่อมต่อข้อมูลกับกรมการขนส่งทางบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยอย่างยั่งยืน ซึ่งโปรแกรมจะสามารถ Check in / check out และคำนวณค่าผ่านทางได้ทันที ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี