หนี้ครัวเรือนคนไทยพุ่ง
ขึ้นที่2เอเชีย
สูงสุดในรอบ2ปี3เดือน
สศช.เผยต้องจับตา
บัตรเครดิต-รถยนต์
สศช.ชี้หนี้ครัวเรือนไทย พุ่งทะยานอันดับ 2 เอเชีย และอันดับ 11 ของโลก สูงสุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน โดยหนี้ที่ต้องจับตา คือ หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งหนี้บัตรเครดิต และรถยนต์ ที่มีเเนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง ด้าน“หญิงหน่อย” ชี้คนไทยต้องรู้เท่าทัน สงครามการค้าชาติมหาอำนาจ หวั่นกระทบเศรษฐกิจไทย
เมื่อวันที่ 2 กันยายน นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2/2562 ว่า พบหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสิ้นไตรมาส 1 หนี้ครัวเรือนเท่ากับ 13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6.3% และคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีเท่ากับ 78.7% สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส หรือ 2 ปี 3 เดือน นับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งหนี้ครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2562 แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะภาพรวมสินเชื่อธนาคารพาณิชย์เพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นระดับสูง 9.2% โดยยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 11.3% สูงสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 4/2558 เป็นต้นมา ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและรถยนต์ขยายตัว 7.8% และ 10.2% ชะลอลงจาก 9.1% และ 11.4% จากไตรมาสก่อน
“หนี้ครัวเรือนไทยสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และอันดับ 11 ของโลก จาก 74 ประเทศ โดยหนี้ที่ต้องจับตาคือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งหนี้บัตรเครดิต และรถยนต์ มีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่องส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลง จากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยกู้มากขึ้น” เลขาธิการ สศช. กล่าว
นายทศพร กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนในช่วงครึ่งหลังปี 2562 คาดว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรกเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยกู้ แต่ด้านคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะด้อยคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากในช่วงก่อนมีมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันปล่อยสินเชื่อในลักษณะที่ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การอนุมัติ ประกอบกับมีการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในวงเงินสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงทำให้ผู้กู้ได้เงินสดกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/2562 มีผู้มีงานทำ 37.8 ล้านคน ลดลง 0.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้มีงานทำภาคเกษตรยังคงลดลงต่อเนื่อง 4.0% มีสาเหตุจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อกิจกรรมการเกษตร ขณะที่ผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.5% สาขาที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นได้แก่ การขนส่ง การเก็บสินค้า การก่อสร้าง การศึกษา และสาขาโรงแรมและภัตตาคาร
สำหรับสาขาที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ สาขาการค้าส่ง/ค้าปลีก และสาขาการผลิต ลดลงร้อยละ 0.4 และ 0.5 ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับการส่งออกที่หดตัว อัตราการว่างงานเท่ากับ 0.98% เพิ่มขึ้นใกล้เคียงอัตรา 0.92% ในไตรมาสที่ผ่านมา แต่ลดลงเมื่อเทียบกับ 1.07% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ค่าจ้างแรงงานที่แท้จริงของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 4.7% โดยในภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 5.4% ขณะที่นอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 3.7% ผลิตภาพแรงงานโดยรวมเพิ่มขึ้น 2.6%
นายทศพร กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเกิดอุบัติเหตุลดลง จำนวนผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้น ไตรมาส 2/2562 สถานการณ์การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปี 2561 ถึง 10.6% ขณะที่มีผู้เสียชีวิตและมูลค่าความเสียหายเพิ่มขึ้น 3.0% และ 8.4 ตามลำดับ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดเป็นการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด รถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ มีสัดส่วน 40.1% ของประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด
สำหรับอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะช่วงครึ่งปีแรก 2562 ลดลงจากช่วงเดียวกัน7.6% ส่วนหนึ่งจากการกำหนดให้รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท รถตู้ รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ (10ล้อขึ้นไป) ต้องติดตั้ง GPS Tracking เพื่อติดตามและควบคุมพฤติกรรมการขับรถของพนักงานขับรถแบบเรียลไทม์ อย่างไรก็ดี การเกิดอุบัติเหตุของรถโดยสารแต่ละครั้งมักจะสร้างความสูญเสียอย่างมากมาย จึงยังต้องเฝ้าระวังและลดการเกิดอุบัติเหตุทั้งในช่วงปกติและช่วงเทศกาลที่จะมาถึงด้วยการเข้มงวดให้ผู้ขับขี่รถต่างๆ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด มีใบขับขี่ถูกต้อง ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปฏิบัติตามกฎจราจร
วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างเปิดสัมมนาวิชาการ “ผลกระทบสงครามทางการค้าจีน-สหรัฐ สถานะทางยุทธศาสตร์และการรับมือของไทย ว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ และเผชิญผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจ ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีการส่งออกที่สำคัญไปยังสหรัฐอเมริกาและจีน ประชาชนจึงต้องรู้เท่าทันและเตรียมพร้อมรองรับผลกระทบที่จะเกิดจากสงครามการค้า ต้องมีความเข้าใจในเรื่องของนโยบายการค้าของจีน เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนในระยะหลังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในอาเซียนและของโลก ทางพรรคจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจ นำข้อมูล ข้อเท็จจริงไปกำหนดนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ และวางมาตรการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี