นายโสภณ พรโชคชัย ประธาน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส(AREA) เปิดเผยว่าภาพรวมบ้านว่าง หรือ บ้านที่ยังไม่มีผู้เข้ามาพักอาศัยในเขต กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จากการสำรวจล่าสุดพบว่ามีบ้านว่างทั้งห้องชุดและบ้านแนวราบเช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถวอยู่ 525,889 หน่วย จากจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมด 5,097,815 หน่วย หรือราว 10.3% ของทั้งหมด แสดงว่าในบ้าน 10 หลัง จะมี 1 หลังที่ว่าง อีก9 หลังมีผู้อยู่อาศัย สัดส่วนนี้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเกิดวิกฤติเมื่อ 20 ปีก่อน โดยในปี 2538 พบบ้านว่าง 14.5% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในขณะนั้น และต่อมาในปี 2541 พบบ้านว่างประมาณ 12.0% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมด สัดส่วนของบ้านว่างจึงลดลงตามลำดับ
ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า บ้านแนวราบมีสัดส่วนของบ้านว่าง 9.2% (มีบ้านว่าง 1 หลังทุกบ้าน 11 หน่วย) ในขณะที่ห้องชุดโดยรวมมีสัดส่วนว่างถึง 13.9% (มีบ้านว่างทุก 1 หน่วยใน 7 หน่วย) ทั้งนี้เพราะห้องชุดมีไว้เพื่อการลงทุน การปล่อยเช่าหรือขายต่อ มากกว่าบ้านแนวราบที่มักไว้ใช้เพื่อการอยู่อาศัยโดยผู้ใช้สอยจริง (end users) สินค้าห้องชุดจึงต้องให้ความระวังเป็นพิเศษในการลงทุนในขณะนี้
“เมื่อเทียบกับในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ปรากฏว่า ในกรุงโตเกียว มีสัดส่วนบ้านว่าง 11.3% แต่ในระดับทั่วประเทศกลับพบบ้านว่าง 14.0% ทั้งนี้ประชาชนในชนบทย้ายเข้าเมืองโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ความต้องการบ้านมีน้อยลงยิ่งกว่านั้นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม-ปรับปรุงบ้านยังสูง เพราะค่าแรงแพง จึงนิยมสร้างใหม่มากกว่าจะซ่อมบ้านเดิม”นายโสภณกล่าว
ขณะที่ทำเลที่มีบ้านว่างมากที่สุด ได้แก่ เขตจังหวัดนนทบุรี โดยมีถึง 13.7% คือทุก 7 หลังจะมีบ้านว่าง 1 หลัง รองลงมาเป็นบางนา 13.5% และบางใหญ่ 12.6% ทั้ง 3 ทำเลนี้เป็นทำเลที่มีผู้นิยมอพยพไปอยู่และไปซื้อบ้านและห้องชุดไว้เก็งกำไรเป็นจำนวนมาก ส่วนทำเลที่มีสัดส่วนบ้านว่างน้อย คือ บางพลี 8.4% มีนบุรี 8.8% และลาดกระบัง9% ทั้งนี้เพราะใน 3 เขตนี้เป็นเขตที่ตั้งอยู่ห่างไกลเมือง การพัฒนาที่อยู่อาศัยจึงมีน้อยกว่าเขตอื่น
“แนะว่าควรส่งเสริมการใช้ใหม่ (re-use) สำหรับบ้านว่างเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้เพราะการซ่อมแซมบ้านเก่าก็ช่วยกระตุ้นทางเศรษฐกิจได้เช่นกัน แถมยังถูกกว่าการสร้างใหม่ ผู้ซื้อได้บ้านแน่นอน” นายโสภณกล่าว
นอกจากนี้ อยากเสนอว่าไทยควรแก้กฎหมายให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างซื้อแล้วไม่อยู่ ยึดมาขายทอดตลาด เอาเงินมาให้นิติบุคคลบ้านจัดสรรหรือนิติบุคคลอาคารชุดมาใช้เพื่อการบำรุงรักษาอาคาร และยังควรแก้กฎหมายภาษีมรดก ให้จัดเก็บกับบ้านทุกหลังโดยไม่มีข้อยกเว้น อยู่ที่เสียมากหรือน้อยตามเปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าบ้านทั้งนี้ตัวเลขบ้านว่างมีความสำคัญต่อการวางแผนทั้งภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการวางนโยบายและแผนต่อการพัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัย การไฟฟ้านครหลวง ที่ติดตั้งมิเตอร์แต่มีผู้ใช้น้อยซึ่งอาจไม่คุ้มค่า ภาคเอกชนโดยเฉพาะนักพัฒนาที่ดินที่จะต้องระมัดระวังไม่พัฒนาในที่ๆ มีสินค้าล้นตลาด สินค้าเหล่านี้อาจมาขายแข่ง สถาบันการเงินที่อำนวยสินเชื่อ นักลงทุน ตลอดจนผู้ซื้อบ้านที่พึงมีข้อมูลการลงทุนซื้อบ้านอย่างรอบรู้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี