nn ในช่วง ปี 2558 -2561 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีความคึกคักอย่างมาก โดยจากการจัดอันดับของ Globalpropertyguide.com พบว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่น่าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน ที่เข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยจำนวนมาก ซึ่งจากมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดทั้งหมดในปี 2560 ของชาวต่างชาติสูงถึง 27% และ 1 ใน 3 ของยอดการโอนเป็นของลูกค้าชาวจีน และการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีนในปี 2561 ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตสูง และเป็นตัวเร่งให้ราคาคอนโดฯบางทำเลดีดตัวสูงขึ้นจากปกติ แน่นอนว่าราคาที่สูงขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าชาวไทยที่รายได้ปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 4% เท่านั้น ไม่สอดคล้องกับราคาคอนโดฯ ที่เพิ่มขึ้นถึง 9%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา ที่สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบชัดเจนมากขึ้น กระทบกับกำลังซื้อของชาวจีนอย่างหนัก จึงเริ่มเห็นกระแสข่าวว่านักลงทุนจากจีนที่จองซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในประเทศไทยเอาไว้เริ่มจะยอมทิ้งเงินดาวน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายที่สร้างโครงการใหม่โดยหวังจะเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนก็เริ่มที่จะมีของเหลือค้างในสต๊อกมากขึ้น
จึงเป็นเหตุให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ต้องหันมาหวังพึ่งกำลังซื้อจากในประเทศแทน แต่ตลาดในประเทศเองก็มีปัจจัยถ่วงหลายปัจจัยเช่นกัน…จากเวทีเสวนา“LTV ทางร่วมของเศรษฐกิจไทย” มีข้อมูลที่น่าสนใจ... ซึ่งเปิดเผยโดย นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด....ที่ได้กล่าวในงานเสวนาฯ ว่า พฤติกรรมการซื้อบ้านของคนไทย มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก....จากการเก็บข้อมูลออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 402 ราย ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่า ผู้ที่มีรายได้ 10,001-35,000 บาทต่อเดือน กว่า 43% เป็นผู้ที่ไม่มีการถือครองอสังหาฯ และเป็นกลุ่มที่มีเงินออมอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อีกราว 40-43% ของผู้ที่มีรายได้ 10,001-35,000 บาทต่อเดือน เป็นกลุ่มที่มีการถือครองอสังหาฯ 1 ทรัพย์เท่านั้น
กลุ่ม Gen X (อายุ 36-54 ปี) รายได้มากกว่า 50,000 บาทขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เพราะมีการถือครองอสังหาฯมากกว่า 2 ทรัพย์ขึ้นไปถึง 52% เมื่อมาดูรายละเอียดจะพบว่า กลุ่ม Gen Y ตอนกลาง (อายุ 26-30 ปี)กว่า 55% ซื้ออสังหาฯหลังแรกเพื่อการอยู่อาศัยเอง ส่วนกลุ่ม Gen X (อายุ 36-54 ปี) และ Baby Boomer (อายุมากกว่า 54 ปี) มีแนวโน้มการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและเป็นสินทรัพย์ในอนาคต ถึง 55% นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่ม Gen Y ตอนกลาง (อายุ 26-30 ปี) และ Gen Y ตอนปลาย (อายุ 31-35 ปี) ยังระบุว่านิยมซื้อคอนโดมิเนียม มากถึง 57%
ที่สำคัญพฤติกรรมคนเจน เอ็กซ์ และวายกู้เต็ม 100% ฉะนั้นมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) ที่ออกมาจะมีผลกระทบเพราะธนาคารเข้มงวดมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อกลุ่มนี้หายไปจากในตลาด จากการสำรวจคนทุกกลุ่มเก็บออมเพื่อการลงทุนและการวางแผนเกษียณ แสดงให้เห็นว่ามาตรการแอลทีวีส่งผลกระทบกับยอดขาย ยอดโอนบริษัทอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงไตรมาส 2 ลดลง หากภาครัฐไม่มีมาตรการออกมาช่วยกระตุ้นอาจทำให้ภาคอสังหาฯในปี’63 ได้รับผลกระทบแง่ยอดขาย 50% จากปีนี้ที่บริษัทอสังหาฯรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่ายอดขายจะลดลง 20%
ขณะที่ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยกล่าวว่า ขณะนี้ตลาดอสังหาฯ อยู่ในช่วงขาลงได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อ มาตรการแอลทีวี รวมทั้งปัจจัยภายนอกประเทศจากสงครามการค้า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องปรับตัวด้วยการปรับพอร์ตมาเป็นคอนโดโลว์ไรส์ แนวราบรอบวงแหวน และการหารายได้ประจำ (RecurringIncome) ในรูปแบบต่างๆ อาทิ โรงแรม โรงพยาบาล โครงการมิกซ์ยูส
ด้านนางอนงค์ลักษณ์ แพทยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบจากมาตรการแอลทีวี มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มของเจนวาย ที่มีรายได้ต่ำกว่า 2.5 หมื่นบาท ในการตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรก และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบ้านหลังที่สอง เพื่ออยู่อาศัยระหว่างที่ทำงานหรือรับ-ส่งลูกในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของคนยุคนี้ ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐศึกษารายละเอียดเชิงลึก เพื่อกรองกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการก่อหนี้ แทนที่ออกมาตรการแบบเหมารวม ส่งผลกระทบกลุ่มที่เป็นเรียลดีมานด์
โดยสรุปแล้วภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 2562 นี้ ตลาดอยู่ในช่วงขาลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา เพราะผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวจากมาตรการ LTV เร่งปรับกลยุทธ์ทำสินค้าออกมาให้ตอบโจทย์ลูกค้า และราคาให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังต้องเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2563 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทาย โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย ซึ่งจะมีผลให้จำนวนประชากรวัยแรงงานลดลงและอาจเกิดผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย....
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี