นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมด่วนเพื่อติดตามกรณีซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีแหล่งน้ำมันว่าขอยืนยันไม่กระทบต่อการจัดหาน้ำมันของไทย แต่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น โดยกระทรวงพลังงานได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง จากการตรวจสอบข้อมูลด้านปริมาณสำรองน้ำมันของประเทศไทยรวมจำนวนวันที่สามารถใช้เชื้อเพลิงได้ทั้งหมด 54 วัน โดยไม่ประสบปัญหาภาวะขาดแคลนน้ำมันในประเทศแน่นอน และไม่มีความจำเป็นต้องสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นในขณะนี้ เพราะยังมีแหล่งผลิตน้ำมันอีกหลายแห่งที่ไทยสามารถนำเข้ามาใช้แทนจากแหล่งซาอุดีอาระเบียได้ เช่น แหล่งน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกา โอมาน เป็นต้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16 กันยายน 2562 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบในประเทศอยู่ที่ประมาณ 3,366 ล้านลิตร สำรองได้ 28 วัน ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอยู่ที่ 1,193 ล้านลิตร สำรองได้ 10 วัน น้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ประมาณ 1,848 ล้านลิตร สำรองได้ 16 วัน ส่วนปริมาณสำรองก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ภาคครัวเรือนมีประมาณ 131 ล้านกิโลกรัม สำรองได้ 23 วัน หากรวมการใช้แอลพีจีของภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งแล้วจะทำให้จำนวนวันสำรองแอลพีจีอยู่ที่ 12 วัน
“แม้ขณะนี้ก็ยังไม่มีผู้ค้ารายใดประกาศปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้ปรับขึ้นได้ หากสถานการณ์ยืดเยื้อประมาณ 1 สัปดาห์ จะทำให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้น 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากยืดเยื้อประมาณ 2-6 สัปดาห์ ราคาจะปรับขึ้น 5-15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล” นายสนธิรัตน์กล่าว
หากมีความจำเป็นที่รัฐต้องเข้าไปดูแลสถานการณ์ราคาน้ำมันประเทศก็ยังมีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีสถานะเงินสดหมุนเวียนประมาณ 39,400 ล้านบาท สามารถใช้รักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนได้ โดยราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ปรับขึ้นทุก 1 บาท อาจต้องใช้เงินกองทุนดูแลประมาณ 1,500 ล้านบาท
“ยอมรับว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทุก 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันของไทย ปรับขึ้นประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตร จากทิศทางราคาน้ำมันของเช้าวันที่ 16 กันยายน 2562ปรับขึ้นไป 12% คิดเป็นราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นประมาณ 6-7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยเปิดตลาดในช่วงเช้าราคาปรับขึ้นไปทะลุระดับ 71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ระหว่างวันราคากลับเคลื่อนไหวปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นภาวะที่ยังผันผวน” นายสนธิรัตน์กล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทยพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศซาอุดีอาระเบียประมาณ 170,000 บาร์เรล/วัน หรือ 16% ของการนำเข้าที่มีประมาณกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่น่ากังวล เพราะหากไม่สามารถนำเข้าจากซาอุดีอาระเบียได้ตามปริมาณดังกล่าวก็สามารถกระจายการนำเข้าจากแหล่งอื่นได้ เช่น สหรัฐ แอฟริกา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) นัดพิเศษช่วงบ่ายของวันที่ 17 กันยายนนี้ เพื่อเร่งหารือมาตรการป้องกันล่วงหน้าหากกระทบราคาในประเทศรุนแรงและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อค่าครองชีพ
ของประชาชน พร้อมติดตามสถานการณ์ว่าส่งผลกระทบเร็วและรุนแรงมากน้อยแค่ไหนต่อราคาน้ำมันดิบและราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยเฉพาะภายใน 48 ชั่วโมงนับตั้งแต่เกิดเหตุ เนื่องจากต้องประเมินว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็วแค่ไหน กำลังการผลิตกลับคืนมาระดับใด สามารถชดเชยส่วนที่สูญเสียไปจากโรงกลั่นที่เกิดเหตุได้เท่าไหร่ และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี