ll ชักจะยังไงๆ ขึ้นมาแล้ว...กับผลงานชิ้นโบแดงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนหน้านี้ ที่เคยตีปี๊บผลงานการตรวจสอบการประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงินประเภทรับจำนำทะเบียนรถเสียใหญ่โตว่า พบผู้ให้บริการทางการเงินรายหนึ่งมีการคิดดอกเบี้ยและค่าบริการต่างๆ ไม่เป็นไปตามประกาศ ธปท.ก่อนจะสั่งปรับไปกว่า 1.6 ล้านบาท...ครั้งนั้นก็สร้างความกังขาให้กับผู้คนมาในระดับหนึ่งแล้วที่ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถหรือจักรยานยนต์ หรือเครื่องมือทางการเกษตรต่างๆ ทั้งระบบกว่า 200,000 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหญ่ ทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เป็นบริษัทในเครือธนาคารพาณิชย์ใหญ่รวมทั้งรายใหญ่อื่นๆ อีกนับสิบราย บางรายมีพอร์ตใหญ่โตในระดับ 60,000-80,000 ล้านบาท แต่กลับไม่มีในรายงานผลการตรวจสอบใดๆ ออกมาทั้งที่มีข่าวคราวการร้องเรียนจากบรรดาลูกหนี้ท่วมเมือง
วันวานจึงได้เห็นกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ ที่นำโดยทนายวิษณุ สนองเกียรติ ออกโรงกระทุ้ง ธปท.เพื่อขอให้เร่งรัดตรวจสอบเรื่องที่เคยร้องเรียนไปยังแบงก์ชาติมานานแรมปี เพื่อให้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจปล่อยกู้โดยมีทะเบียนรถเป็นหลักประกันของกลุ่มธุรกิจการเงินในเครือธนาคารใหญ่ ภายใต้การกำกับดูแลของธปท.เองนั่นแหละ
เรื่องนี้ทนายวิษณุระบุว่า “ที่ผ่านมาพบว่าบริษัทดังกล่าว มีพฤติการณ์การเอารัดเอาเปรียบประชาชนที่เป็นลูกหนี้ ด้วยการเรียกเก็บดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม และค่าบริการเงินกู้ในรูปแบบต่างๆ รวมแล้วสูงถึง 30-50% ต่อปี ทั้งยังมีพฤติกรรมอื่นที่ขัดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 และพ.ศ.2560และเหตุที่ต้องออกมาเรียกร้องเพราะว่า ก่อนหน้านี้ ธปท.มีความเข้มงวดมาก และตรวจสอบย้อนไปถึงการปล่อยกู้ของบริษัทไม่ว่าจะพอร์ตลูกหนี้ปัจจุบันหรือลูกหนี้ที่ปิดบัญชีไปแล้ว แต่กับกรณีของบริษัทดังกล่าว ธปท.กลับไม่มีรายงานผลการตรวจสอบที่ได้เลยว่า มีการคิดดอกเบี้ยและค่าบริการต่างๆ เกินกว่ากฎหมายกำหนดหรือไม่ จนเกิดข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบจงใจละเว้น ไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ไม่ใช่แต่เพียงกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ที่ออกโรงกระทุ้ง ธปท. ยังมีผู้เสียหายที่เปิดหน้าออกมาชนกับผู้ประกอบการใหญ่รายนี้แบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน ถึงขั้นส่งหนังสือร้องไปยัง อัยการจังหวัดนนทบุรี และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังทำคดีที่ตนได้แจ้งความเอาผิดกับบริษัทจำนำทะเบียนรายหนึ่ง ที่มีการคิดดอกเบี้ยและค่าบริการเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอย่างชัดเจน รวมถึงแจ้งความเอาผิดต่อผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวด้วย แต่เวลาผ่านมา 1 ปี พบว่าการสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้ามาก โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าได้มีหนังสือแจ้งไปยังฝ่ายบริหาร คณะกรรมการของบริษัทที่จะต้องมาชี้แจง มารับทราบข้อกล่าวหากันเป็นสิบคน แต่ไม่มีใครเดินทางมาให้ปากคำเจ้าหน้าที่ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็จะสั่งดำเนินคดีกับบริษัทได้เท่านั้น คงไม่สามารถติดตามเอาผิดไปถึง ผู้บริหาร หรือคณะกรรมการบริษัทได้ แล้วก็รวบรัดตัดความจะเสนอสำนวนต่ออัยการแค่นั้น ด้วยเหตุนี้ เจ้าตัวเลยเปิดหน้าออกมาร้องอัยการจังหวัดให้สั่งเจ้าหน้าที่ผู้ทำสำนวนให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่าได้เลือกปฏิบัติหรืองดเว้นปฏิบัติ และจะต้องดำเนินคดีให้มีความรัดกุมรอบคอบ
ทั้งกรณีกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้และผู้เสียหายที่เปิดหน้าชนขนาดนี้ ก็คงมีคำถามขึ้นไปยัง ธปท.ว่าหลักฐานประจักษ์พยานชัดซะขนาดนี้ยังไม่พอจะให้ ธปท.ต้องล้วงลูกลงมาตรวจสอบอีกหรือ เพราะตอนนี้ก็ยังมีบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯมีพฤติการณ์เดียวกัน ซึ่งทางกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ กำลังดำเนินการอยู่เช่นเดียวกัน
ในภาวะที่ประชาชนคนไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจรอบด้าน การปล่อยประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบอีก หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้ ระวังจะงานเข้าเสียเอง!!!
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี