กสอ. เดินหน้าสานต่อพัฒนาเครือข่าย RISMEP ให้เข้มแข็ง พร้อมขยายเครือข่ายครอบคลุม 76 จังหวัด ภายในปี 66
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 นายเดชา จาตุธนานันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากเป้าหมายและนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยจะต้องบูรณาการความร่วมมือกันในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ในทิศทางที่เหมาะสมควบคู่กับการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยให้เข้มแข็งมีศักยภาพ เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก
นายเดชา กล่าวด้วยว่า เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีกับรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (The Japan International Cooperation Agency: JICA) ซึ่งได้ร่วมงานกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ในการพัฒนาระบบการส่งเสริม SME แบบบูรณาการในระดับท้องถิ่น (Regional Integrated SME Promotion Mechanism) หรือ โครงการ RISMEP ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 2 ประการ คือ 1. การเครือข่ายบริการส่งเสริม SMEs ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ทำหน้าที่บูรณาการการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในพื้นที่ 2.การพัฒนารูปแบบการให้บริการแบบหน้าต่างเดียวกัน หรือ Single Window เพื่อสร้างช่องทางการเข้าถึงบริการส่งเสริมวิสาหกิจอย่างง่ายและครบวงจรผ่านการเชื่อมโยงและส่งต่อบริการของสมาชิกเครือข่าย โดยสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยงานใดก็ได้ภายในเครือข่าย ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้จะช่วยให้เกิดการกระจายการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถของ SME ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
“กลไกการขับเคลื่อนต่าง ๆ ไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ หากขาดหน่วยงานเครือข่ายที่สำคัญและการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง ดังนนั้น กสอ. จึงเดินหน้าในการสร้างความสัมพันธ์ของบุคลากรในเครือข่ายและจัดให้มีเวทีสำหรับผู้ให้บริการในเครือข่ายทุกท่านได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายที่ยั่งยืนจะส่งผลดีกับการให้บริการแก่ผู้ประกอบการให้สามารถได้รับคำปรึกษาและการให้บริการที่ตรงจุด เพื่อต่อยอดและพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาทางธุรกิจได้อย่างเหมาะสมซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศไทยต่อไป"
ทั้งนี้ โครงการ RISMEP เริ่มต้นดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ดำเนินการแล้วใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแผนการดำเนินงานที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับกลไก RISMEP ให้ครบทั้ง 76 จังหวัด ภายในปี พ.ศ. 2566 อีกด้วย
ทางด้านนางสาวชัญญนิษฐ์ บุญสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการของเครือข่าย RISMEP กล่าวว่า การทำงานของเครือข่าย RISMEP ถือเป็นพลังเครือข่ายที่เข้มแข็ง สามารถเป็นที่ปรึกษาและพันธมิตรช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างเต็มที่
“ด้วยธุรกิจที่แตกต่างกันของผู้ประกอบการย่อมพบปัญหาและอุปสรรคที่หลากหลายต่างกันไป ผู้ให้บริการอย่างหน่วยงานภาครัฐเองจึงจำเป็นที่จะต้องมีองค์ความรู้ครอบคลุมในทุกด้านที่จะช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเครือข่ายหน่วยงานที่จะสามารถแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลและส่งต่อกันภายในเครือข่ายและสามารถให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดเตรียมเอกสารและการเตรียมความพร้อมต่างๆ ก่อนที่จะเชื่อมโยงข้อมูลส่งต่อไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการยื่นขอรับเครื่องหมาย อย. ต่อไปซึ่งในส่วนของเครือข่าย RISMEP ไม่ได้มีเพียงแค่การเชื่อมโยงข้อมูลเท่านั้น แต่มีการวางแผนร่วมกันในการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการ มีขั้นตอนการดำเนินการอย่างเป็นระบบในการแก้ปัญหาของผู้ประกอบการอย่างตรงจุด"
ด้านนางอารดา เกียรติเสรี เจ้าของกิจการหมูสเต๊ะคุณแม่โอ๊ะโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับบริการของเครือข่าย RISMEP กล่าวว่า ได้เข้าใช้บริการเครือข่าย RISMEP ของ กสอ. เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการก่อตั้งโรงงานเพื่อรองรับธุรกิจแฟรนไชส์ โดยได้รับคำแนะนำเรื่องการวางระบบของโรงงานและแนวทางการผลิตต่างๆให้มีมาตรฐาน แนะนำจนถึงขั้นตอนของการขยายธุรกิจ โอกาส ทิศทางที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้นต้องทำอย่างไร จนปัจจุบันโรงงานได้รับความไว้ใจจากลูกค้าและมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นายธม โขวัฒนกุล เจ้าของ บริษัท ธามมิ้งฟู๊ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำจิ้มหม่าล่า ภายใต้ชื่อ น้ำจิ้มคูชิหม่า กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ประสบกับปัญหาเรื่องอายุการเก็บรักษา ซึ่งเก็บได้ไม่เกิน 3 สัปดาห์ ในอุณหภูมิปกติและเก็บรักษาในความเย็นได้ 1 เดือน หลังจากที่เข้ารับบริการกับเครือข่าย RISMEP กับศูนย์อุตสาหกรรมภาคที่ 11 กสอ. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาเรื่องการยืดอายุผลิตภัณฑ์ให้นานขึ้นโดยที่ยังคงรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวของผลิตภัณฑ์ โดยยืดระยะเวลาการเก็บรักษาได้ถึง 6 เดือน นอกจากนี้ยังได้รับคำปรึกษาแนะนำเรื่องของการตลาด ช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์อีกด้วย
นายธม กล่าวต่อว่า หลังจากวางตลาดแล้ว ได้รับกระแสตอบรับที่ดี จากกลุ่มลูกค้ามีการตื่นตัวต่อด้านสุขภาพ ยอดขายของน้ำจิ้มคูชิหม่า ก็ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะกระจายสินค้าให้ถึงผู้บริโภคให้คลอบคลุมในพื้นที่หาดใหญ่ และในปีหน้าก็จะมีการขยายตลาดไปยัง จ.สงขลาและภูเก็ตต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอเข้ารับบริการของโครงการ RISMEP ได้ที่ www.rismep.dip.go.th หรือ ทางแอพพลิเคชั่น สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ IOS และ Android
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี