"ศักดิ์สยาม"เผยขยายเวลาลงนามไฮสปีดเชื่อม3สนามบินให้ซีพีเอชอีก10วัน รอครม.เคาะบอร์ดรถไฟชุดใหม่อังคารหน้า พร้อมชงครม.เคาะสัญญารถไฟไทย-จีน5หมื่นล้าน ก่อนรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนปลายปีนี้
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่ทาง นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ขอให้รัฐบาลร่วมรับผิดชอบกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับโครงการนี้ด้วยว่า เป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของท่าน แต่รัฐบาลก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal)หรือ RFP ซึ่งได้ระบุไว้ในข้อ 50.1 ว่า ผู้ยื่นเสนอจะต้องรับภาระความเสี่ยงเอง
"เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหา เขาสามารถแสดงความคิดเห็นได้ อะไรที่รัฐบาลจะสามารถทำให้ผู้ประกวดราคาดำเนินการได้ตามกฎหมาย และตาม RFP แล้ว เรายินดีจะทำ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ดังนั้น ต้องช่วยกันดูว่ามีอะไรที่รัฐบาลยังไม่ได้ทำ เช่น การส่งมอบพื้นที่ เป็นต้น โดยขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว และขณะนี้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ประมาณร้อยละ 72 เหลืออีกร้อยละ 28 ที่รอดูการย้ายสาธารณูปโภค และการบุกรุกเท่านั้น"
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและตน เป็นรองประธาน รวมถึงปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ก็คงมีการดำเนินการ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะโครงการนี้ เนื่องจากในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) มีหลายโครงการย่อยอยู่ในนั้น เพื่อจะดูว่าจะทำอย่างไรให้ดำเนินการตามบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ในพื้นที่ร้อยละ 72 นั้น ทางผู้ชนะการประกวดราคา ซึ่งเป็นคู่สัญญาคงต้องใช้เวลาในการเคลียร์เรื่องส่งมอบพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ตนจึงคิดว่าทุกอย่างจะทันตามกรอบเวลา เนื่องจากหลังจากที่คณะอนุกรรมการมีการประชุม จะได้ดูว่าส่วนรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีสาธารณูปโภคอยู่ในโครงการ เขามีแผนการอย่างไร หากไม่สามารถดำเนินการได้ทัน จะเปิดให้มีการขยายเวลาได้อยู่แล้ว และไม่มีเบี้ยปรับ ถือเป็นหลักปกติในการปฏิบัติงาน
เมื่อถามว่า ประชาชนสามารถมั่นใจได้เต็มที่ใช่หรือไม่ว่าโครงการดังกล่าวจะเดินหน้าแน่นอน นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า แน่นอน นายกรัฐมนตรี ได้พูดแล้วว่าเรื่องนี้ต้องเดินหน้า เพราะเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทย และต้องพูดเรื่องนี้อย่างตรงไป ตรงมาและโปร่งใส อะไรที่รัฐดำเนินการถูกต้องแล้วต้องทำต่อไป ส่วนอะไรที่ภาคเอกชนสงสัย เราจะอธิบายให้ฟัง และช่วยกันเพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าได้
เมื่อถามว่า จะมีการขยายกำหนดการลงนามในวันที่ 15 ตุลาคมนี้หรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องการลงนามนั้น คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ก็บอกไปเรียบร้อยแล้ว ว่าเขาเจรจาตามกรอบ RFP ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้จะต้องเลื่อนออกไปอีก 10 วัน เนื่องจากบอร์ดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ลาออกทั้งคณะ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อไปดูในวาระการพิจารณา กลับพบว่าบอร์ด รฟท.ยังไม่ได้มีการประชุมเรื่องนี้ จึงไม่สามารถนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ จึงต้องมีการแต่งตั้งบอร์ดรฟท.ชุดใหม่ขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกัน ได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว พร้อมมีบัญชาให้รีบดำเนินการ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ระหว่างเสนอชื่อบอร์ดรฟท. ชุดใหม่ และจะส่งกลับไปกระทรวงคมนาคม พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนตนจะนำเข้าสู่ครม.พิจารณาในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
เมื่อถามอีกว่า การแต่งตั้งบอร์ดใหม่จะกระทบในการเดินหน้าโครงการหรือไม่นั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ส่งกระทบ เพราะเป็นขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการตาม RFP ในข้อ 63 ระบุชัดเจนว่า กฎหมายที่ต้องดำเนินการ นอกจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็ต้องมีกฎหมายไทยเองที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายรถไฟ ส่วนการยืดระยะเวลาลงนาม ออกไปอีก 10 วัน ยืนยันไม่ผลกระทบ เพราะการยื่นราคาของผู้เสนอราคา เปิดให้ยื่นเสนอราคาได้จนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน
"การลาออกของบอร์ด รฟท.เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดถึงว่าจะมีการลาออก เพราะคณะกรรมการคัดเลือกเพิ่งจะมีการประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา และวันที่ 30 กันยายน ได้ออกหนังสือแจ้งการลงนามให้แก่ผู้ชนะประกวดราคา ต่อมาเวลา 11.00 น.วันที่ 1 ตุลาคม เมื่อผู้ชนะการประกวดราคามารับหนังสือ ปรากฎว่าบอร์ดรฟท.กลับลาออกในวันเดียวกัน เราจึงต้องดำเนินการต่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่มีบอร์ด รฟท.เราก็ไม่สามารถนำเรื่องนี้ให้ ครม.รับทราบได้" นายศักดิ์สยาม กล่าว
เมื่อถามถึงสาเหตุการลาออกของบอร์ด รฟท.ในช่วงที่จะมีการลงนามสัญญา นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามบอร์ด เพราะตนพยายามยับยั้งแล้ว
เมื่อถามอีกว่า การขยายเวลา 10 วันนั้น แม้ตามสัญญาเดิมระบุให้ส่งมอบพื้นที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 แต่ล่าสุดทางภาคเอกชนที่ได้รับงานขอให้ส่งมอบพื้นที่ 100% ก่อนการลงนาม นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า จะต้องไปดูในเงื่อนไข RFP ว่าระบุว่าอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าคณะกรรมการคัดเลือก ได้ดูเรียบร้อยแล้วว่าการส่งมอบพื้นที่อยู่ในแผนอย่างไร ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อศึกษารายละเอียดไปพร้อมกัน ขออย่ากังวล เรื่องนี้ต้องเร่งรัด เพราะสำคัญกับประเทศมาก ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการคัดเลือก ยังอยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือไปแจ้งบริษัท ในการลงนามสัญญาใหม่อีกครั้ง เดิมกำหนดวันที่ 24 ตุลาคม แต่เนื่องจากเป็นวันสำคัญของคนไทย จึงกำหนดให้เป็นวันที่ 25 ตุลาคมนี้
"คิดว่าการขยายเวลา น่าจะเป็นผลดีเพราะทำให้เอกชนมีเวลาได้ตรวจสอบเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าการส่งมอบพื้นที่ร้อยละ 72 นั้น เรามีความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่พร้อม แต่ยังรวมถึงจะมีนำแผนที่การก่อสร้างทั้งหมดในร้อยละ 72 นั้นอยู่บริเวณใดบ้าง ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการวันที่ 10 ตุลาคมนี้" นายศักดิ์สยาม กล่าว
รมว.คมนาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการดังกล่าว จะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี บวกเวลาในการมอบพื้นที่ รวมเป็น 6 ปี จึงมีเวลาพอ โดยคิดว่าจะบริหารเรื่องนี้ โดยจะใช้หลัการเดิมที่กระทรวงคมนาคมเคยบริหารในการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์สายใต้ ซึ่งขณะนั้นได้รับเงินจากไจก้า ก็สามารถเอามิติปัญหา 7 เรื่องของตนมาดำเนินการ จึงคิดว่าโครงการนี้ก็น่าจะดำเนินการได้เช่นกัน
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในวันที่ 15 ตุลาคม จะมีการนำเรื่องโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย - จีน เข้าสู่ ครม.ด้วยเพื่อให้พิจารณาเห็นชอบงานสัญญา 2.3 (งานระบบ) มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เพราะเรื่องนี้จะนำเข้าสู่ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี