นายสมชาย เหมทอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ เปิดเผยว่า ทาง กทท.เตรียมเร่งสรุปแผนแม่บทการพัฒนาแลนด์มาร์คคลองเตย 492,000 ล้านบาท และแนวทางการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อเสนอเข้าสู่คณะกรรมการ(บอร์ด) กทท. ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังเพื่อขอความเห็นชอบเพื่อเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ปีหน้า เพื่ออนุมัติการจัดตั้งบริษัทลูกด้านบริหารทรัพย์สินขึ้นมาเริ่มต้นการเปิดประมูลพัฒนาพื้นที่ต่อไป
พร้อมกันนี้จะมีการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494 เพื่อขอเพิ่มภารกิจเรื่องการดำเนินกิจการเกี่ยวเนื่องกับท่าเรือและการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวท่าเรือเพื่อปลดล็อกเงื่อนไขการใช้พื้นที่รัฐวิสาหกิจในการหารายได้เข้าองค์กรในส่วนของแนวทางการตั้งบริษัทลูกนั้นจะใช้รูปแบบให้ กทท.ถือหุ้นมากกว่า 25% แต่ไม่เกิน 50% ส่วนหุ้นที่เหลือจะเป็นเอกชนถือเหตุผลที่ใช้แนวทางนี้เพื่อความคล่องตัวในการบริหารและการลงทุนพัฒนาพื้นที่โดยไม่ติดข้อจำกัดความเป็นรัฐ และหากจะมีการพัฒนาพื้นที่เพียงแค่เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กทท. ได้เลยไม่ต้องเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.และกระทรวงที่เกี่ยวข้องทำให้สามารถลดขั้นตอนการทำงานและทำให้โครงการพัฒนาได้รวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้ขณะที่การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่นั้นจะตั้งบริษัทลูกแยกขึ้นมาบริหารแต่ละโครงการ ได้แก่ พื้นที่เชิงพาณิชย์แบบ Mixed use และการพัฒนา
creative town ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 วงเงิน 141,000 ล้านบาท พื้นที่โรงแรมและศูนย์ประชุมนานาชาติวงเงิน 83,000 ล้านบาท พื้นที่เชิงพาณิชย์เพื่อการอยู่อาศัย (Residential Area) วงเงิน 73,000 ล้านบาทและพื้นที่เขตธุรกิจและย่านการค้า (BusinessDistrict) วงเงิน 73,000 ล้านบาท เป็นต้น โดยจะมีการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาโดย กทท.ถือหุ้นไม่เกิน 50%ส่วนที่เหลือจะให้บริษัทเอกชนที่ชนะการประมูลเข้ามาถือหุ้นเพื่อพัฒนาร่วมกันแบบ Joint-Ventureโดยเอกชนต้องลงทุนและรับความเสี่ยงทั้งหมดโดยแบ่งรายได้ให้กับ กทท.
นายสมชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มมีบริษัทเอกชนรายใหญ่หลายรายเข้ามาให้ความสนใจในการลงทุน โดยเฉพาะบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) แสดงความสนใจเข้ามาพัฒนาร้านค้าเชิงพาณิชย์ ในรูปแบบ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต คล้ายกับการพัฒนาโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ
สำหรับพื้นที่ซึ่งจะเริ่มพัฒนาใน 5 ปีแรก คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 2564 ทยอยเปิดใช้ทั้งหมดในปี 2569 โดยโครงการที่จะเริ่มพัฒนาในระยะแรกมูลค่าประมาณ 65,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.A1 พื้นที่ 17 ไร่ พัฒนาอาคารสำนักงาน วงเงิน 14,000 ล้านบาท 2.A5-1พัฒนา smart community วงเงิน 18,000 ล้านบาท 3.พื้นที่เชิงพาณิชย์แบบ Mixed use และการพัฒนา creative town ระยะที่ 1วงเงิน 19,000 ล้านบาท 4.A6 พื้นที่ 9 ไร่ Retail Mixed Use วงเงิน 3,800 ล้านบาท5.ทางเดินลอยฟ้า Skywalk วงเงิน 5,000 ล้านบาท
6.รถไฟฟ้ารางเบา วงเงิน 3,000 ล้านบาท 7.ก่อสร้างทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางด่วนบางนา-อาจณรงค์ (S1) ระยะทาง 2 กิโลเมตร ลงทุน 1,500 ล้านบาท 8.A3 พัฒนาพื้นที่ Medical Hub วงเงิน 1,500 ล้านบาท 9.C1 พื้นที่ Cruise Terminal และ 10.ปรับปรุงสถาปัตยกรรม วงเงิน 300 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี