เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 2/62 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมธนาคารไทย และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้ขยายตัวได้มากขึ้น ภายใต้สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังยืดเยื้อ ความไม่แน่นอนของการที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) และค่าเงินบาทแข็งค่า
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่จะนำมาใช้ขยายการส่งออกของไทย โดยเน้น 10 ตลาดเป้าหมาย ได้แก่ จีน, อินเดีย, ตุรกี, เยอรมนี, ศรีลังกา, บังคลาเทศ, ตะวันออกกลาง เช่น อิรัก ดูไบ บาห์เรน กาตาร์, แอฟริกาใต้, รัสเซีย อังกฤษ และอียู
“เราจะบุกตลาดเป้าหมายทั้ง 10 ตลาดให้มากขึ้น เพราะยังมีศักยภาพที่จะนำเข้าสินค้าจากไทยได้อีก รวมถึงยังได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ของไทยในประเทศต่างๆ หาลู่ทางการส่งออกสินค้าและบริการในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเน้นเป็นรายมณฑล รายรัฐ และเมืองรองให้มากขึ้น ซึ่งจะมุ่งไปที่สหรัฐฯ จีน และอินเดีย เพราะสินค้าของไทยส่วนใหญ่ยังเข้าไปถึงเมืองรอง หรือมณฑลห่างไกลเลย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ระบุ
นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าผลักดันสินค้าที่ตราสัญลักษณ์ของไทย หรือแบรนด์ของไทยให้มากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้และการจดจำของผู้ซื้อในต่างประเทศ ผ่านโครงการจัดงานแสดงสินค้า Top Thai Brand ในประเทศต่างๆ , การส่งเสริมธุรกิจบริการใหม่ๆ เช่น ค้าปลีก, โลจิสติกส์, บริการก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่งภายใน, ธุรกิจบันเทิง รวมถึงธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ เพื่อขยายการส่งออก
รวมถึง จะกระชับความสัมพันธ์ของภาคเอกชนไทยกับเอกชนของประเทศต่างๆ, สนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการหน้าใหม่ (สตาร์ตอัพ) ให้สามารถส่งออกได้, ส่งเสริมการค้าชายแดน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มองว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ การส่งออกในภาพรวมน่าจะยังขยายตัวเป็นบวก แลยังมีโอกาสที่การส่งออกทั้งปียังขยายตัวได้
ขณะที่นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า หากไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ มูลค่าส่งออกต่อเดือนได้ที่ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็จะทำให้ทั้งไตรมาส 4 เป็นบวกได้ และทั้งปีจะขยายตัวได้ 0% ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง เพราะช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี เป็นช่วงของการสั่งซื้อสินค้าเพื่อเตรียมไว้ขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนยังมองว่า มูลค่าส่งออกไทยปีนี้ ยังติดลบที่ 1.5% ส่วนเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า ต้องขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาล ที่พยายามแก้ปัญหา เพราะหากค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องอีก จะกระทบต่อทั้งการส่งออก และเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี