“จุรินทร์” ปลุกสมาชิกพรรคมุ่งหน้าทำงาน ยันร่วมรัฐบาลทำฝันประชาชนสำเร็จ แจงยิบไทม์ไลน์ประกันรายได้ 5 ชนิดพืช - โอนเงินส่วนต่างทั้งหมดไม่เกินสิ้นปี
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2562 เมื่อเวลา09.00น. ที่โรงแรมสุดาพาเลซสะพานควาย กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุมกรรมการสาขาพรรคและตัวแทนประเทศ ประจำทุกจังหวัดของพรรคประชาธิปัตย์
โดยนายจุรินทร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์โดยกลไกกรรมการสาขาและตัวแทนประจำจังหวัดจะต้องดำเนินการจัดตั้งตามกฎหมายให้ครบถ้วน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ แต่เป็นหน้าที่ของพรรคที่จะต้องมีความพร้อม ภายหลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เป็นความฝัน ของพรรค ที่ว่าอยากเห็นผู้ที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้แทนราษฎร ผู้บริหารของพรรค อดีตผู้สมัครของพรรคได้มีโอกาสทำหน้าที่ขณะนี้ก็เป็นจริง คือประมาณไม่ต่ำกว่า 80 คนดังกล่าวได้ถูกคัดสรรให้เข้าไปทำหน้าที่ผู้บริหารระดับต้นของประเทศ และตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ช่วยส.ส. ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ และที่ต้องช่วยรัฐมนตรีของพรรค คือเลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นทีมจากพรรคประชาธิปัตย์ นี่เป็นสิ่งแรกที่เราสามารถทำฝันที่คิดกันมานานลงสู่การปฏิบัติได้แม้ว่าไม่ครบถ้วนทุกคนก็ตาม
“ในการเข้าร่วมรัฐบาล ครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มีเงื่อนไขคือนำนโยบายของพรรคบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นโครงการประกันรายได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดหัวข้อที่จะต้องแก้ไข ได้ หรือการเปิดกุญแจปลดล็อคให้เดินไปสู่การแก้ไขในวันข้างหน้าได้ และการบริหารราชการแผ่นดินจะต้องบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งหมดก็บรรจุไว้เป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ “ นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ เป็นนโยบาย เร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งการประกันรายได้พืช 5 ชนิดนั้น คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด แต่ไม่ได้หมายความว่าพืชเกษตรตัวอื่นจะไม่ดูแลแต่ใช้ยาคนละขนาน กันเท่านั้น สำหรับพืช 5 ชนิดนี้หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างยิ่งมีผลเป็นรูปธรรมโดยปาล์มลงมือปฏิบัติไปแล้วโดยการจ่ายเงินงวดแรกเรียบร้อยถึงมือเกษตรกรแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 1ต.ค.ที่ผ่านมา เราใช้เวลาเพียงแค่ 60 วันฟังการแถลงนโยบาย หรือ 77 วันหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ขณะที่เรื่องข้าวได้โอนเงินส่วนต่างให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดแรกไปเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวที่ 3 คือ ยางพาราได้ผ่านคณะรัฐมนตรีแล้วกำลังดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ และวันที่ 1 พ.ย. - 15 พ.ย.นี้ เราจะใช้เวลา 15 วัน โอนเงินส่วนต่างถึงมือเกษตรกรผู้ปลูกยางทุกคน เพราะกระบวนการเรื่องยางพาราจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นขั้นตอนมากกว่า เมื่อมีการตรวจสอบบัญชีเสร็จเรียบร้อยจึงจะเป็นการโอนเงิน ทันที
นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับมันสำปะหลัง ในวันพรุ่งนี้(27ต.ค.) ตนจะเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี เพื่อการประชุม 3 ฝ่ายภาครัฐภาคเอกชนและเกษตรกร จะไปหาข้อสรุปว่าจะประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละเท่าใด หรือจำนวนเท่าใดต่อครัวเรือน เสร็จแล้วก็จะเข้ากระบวนการคณะรัฐมนตรี ส่วนข้าวโพดจะไปเคาะประกัน 3 ฝ่ายในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ก็จะเข้าคณะกรรมการนโยบายข้าวโพด แล้วต่อไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป ทั้งหมดนี้คาดว่าจะดูแลส่วนต่างพืช 5 ชนิดได้ครบถ้วนภายในสิ้นปีนี้
“นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจทำเพื่อประชาชนและพิสูจน์ตามที่ประกาศไว้ว่าจะ ทำได้ไว ทำได้จริง สุดท้ายนี้เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน จับมือร่วมกันเดินหน้าด้วยกลไกล 3 ประสานทำงานไปด้วยกัน พรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ กลไกที่หนึ่งคือกลไกรัฐบาล หน้าที่ความรับผิดชอบในรัฐบาล กลไกที่สองคือกลไกสภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคต้องทำหน้าที่แทนประชาชนอย่างเข้มแข็ง กลไกที่สามคือกลไก ของพรรค ต้องเดินหน้าคู่ขนานกิจกรรมของพรรคต้องทำเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้นให้เกิดผลต่อความร่วมมือร่วมใจของสมาชิกทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปได้” นายจุรินทร์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี